Page 169 - kpiebook65071
P. 169
168 บทบัญญัติทางกฎหมายว่าด้วยสิทธิที่จะถูกลืม (Right to be Forgotten)
และแนวทางแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
การวิเคราะห์และเปรียบเทียบมาตรา 33 และ 37 (3) ของพระราชบัญญัติ
คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กับกฎหมายที่มีภารกิจในการคุ้มครอง
สิทธิที่จะถูกลืมในต่างประเทศ (ตามที่ได้อธิบายในบทที่ 3) เพื่อให้เกิด
ความเข้าใจถึงความคล้ายคลึงและแตกต่างของกฎหมายไทยและต่างประเทศ 264
และท้ายที่สุดเพื่อเผยให้เห็นถึงข้อจำากัดของกฎหมายไทยเพื่อประโยชน์
ในการพัฒนาบทบัญญัติอันจะได้นำาเสนอในบทที่ 5 ต่อไป
การเปรียบเทียบตัวบทกฎหมาย (และข้อเท็จจริงในสังคม
โดยผ่านคำาวินิจฉัยของศาลและหน่วยงานของรัฐ) ในบทที่ 4 นี้ เป็นไป
โดยยึดโยงกับองค์ประกอบอันเป็นสาระสำาคัญของกฎหมายซึ่งมีภารกิจ
ในการคุ้มครองสิทธิที่จะถูกลืม ดังที่ได้สรุปในบทที่ 3 ได้แก่ (4.1) ผู้ทรงสิทธิ
ที่จะถูกลืม (4.2) ผู้มีหน้าที่คุ้มครองสิทธิที่จะถูกลืม (4.3) รายละเอียด
การคุ้มครองสิทธิที่จะถูกลืม และ (4.4) ข้อจำากัดของสิทธิที่จะถูกลืม
4.1 การบัญญัติถึงตัวผู้ทรงสิทธิที่จะถูกลืม
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บัญญัติให้
“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” มีสิทธิขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลดำาเนิน
การลบหรือทำาลาย หรือทำาให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุ
ตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ การบัญญัติให้เจ้าของข้อมูล
ส่วนบุคคลเป็นผู้ทรงสิทธิ อันเป็นแนวทางการบัญญัติกฎหมายที่สอดคล้อง
กับมาตรา 17 ของ GDPR มาตรา 47 ของ UK DPA 2018 มาตรา 3 ของ
TW PDPA 2015 มาตรา 26 ของ HK PDPO 1996 และมาตรา 16 ของ PH
PDA 2012 ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าการที่กฎหมายจะคุ้มครองสิทธิที่จะถูกลืม
265
ได้นั้นมีจุดเริ่มต้นจากการที่กฎหมายกำาหนดตัวผู้ทรงสิทธิเสียก่อน
264 Edward J. Eberle, op. cit., p. 452.
265 โปรดดูข้อเปรียบเทียบเรื่องผู้ทรงสิทธิที่จะถูกลืม ในเอกสารหมายเลข 1 ในภาคผนวก.