Page 24 - kpiebook65062
P. 24

ตารางที่ ๑.๑ รายรับ รายจ่าย และเงินคงคลังในรัชกาลที่ ๗

                           ปี      รายรับ (ล้านบาท)  รายจ่าย (ล้านบาท)  เกิน/ขาดดุล (ล้านบาท)  เงินคงคลัง (ล้านบาท)

                         ๒๔๖๘          ๙๒.๗๑            ๙๔.๖๕              -๑.๙๔              ๕๔.๒๐

                         ๒๔๖๙          ๑๐๐.๕๙           ๑๐๐.๕๕             +๐.๐๔              ๕๗.๖๘

                         ๒๔๗๐          ๑๑๗.๔๔           ๑๑๒.๑๓             +๕.๓๑              ๗๙.๖๖
                         ๒๔๗๑          ๑๐๖.๙๖           ๑๐๑.๗๐             +๕.๒๖              ๘๒.๖๐

                         ๒๔๗๒          ๑๐๘.๑๒           ๙๘.๖๒              +๙.๕๐              ๗๕.๔๐

                         ๒๔๗๓          ๙๖.๓๒            ๙๑.๖๖              +๔.๖๖              ๖๗.๕๕

                         ๒๔๗๔          ๗๘.๙๕            ๘๒.๙๐              -๓.๙๕              ๓๙.๗๐

                         ๒๔๗๕          ๗๙.๖๕            ๗๐.๒๓              +๙.๔๒              ๕๔.๔๓

                         ๒๔๗๖          ๘๓.๗๓            ๗๓.๖๗             +๑๐.๐๙              ๖๖.๓๔

                      ที่มา: ปรับปรุงจาก พอพันธ์ อุยยานนท์, เศรษฐกิจไทยสมัยรัชกาลที่ ๗ รักษาเสถียรภาพ ปูพื้นฐานการพัฒนา (กรุงเทพฯ :
                      โครงการจัดพิมพ์คบไฟ, ๒๕๕๘), ๖๐-๖๒.

                            เหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจในช่วงรัชสมัยเหตุการณ์หนึ่ง คือสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ

                      (The Great Depression of 1929) อันเป็นสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจทั่วโลกในช่วงหลัง
                      สงครามโลกครั้งที่ ๑ ทำให้ตลาดหุ้นที่นครนิวยอร์กล้มในวันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๒ และส่งผล

                      สะเทือนไปทั่วโลกในเวลาต่อมา เหตุการณ์ในครั้งนั้นมักถูกใช้เป็นคำอธิบายความเปลี่ยนแปลงทาง
                      สังคมและการเมืองการปกครอง รวมทั้งสถาปัตยกรรมในประเทศไทยในเวลาต่อมาอย่างง่ายๆ เช่น
                      “สภาพเศรษฐกิจทั่วโลกเสื่อมถอยในทศวรรษที่ ๑๙๓๐ (ราว พ.ศ. ๒๔๗๓) ประชาราษฎรและ

                      ข้าราชการได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จึงเป็นแรงเหนี่ยวไกปืนปฏิวัติลั่นขึ้นในวันที่
                      ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕”   หรือ “ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๑ ผนวกกับ
                                              ๕
                      ฐานะอันทรุดโทรมของพระคลัง ทำให้การบริหารบ้านเมืองในรัชกาลนี้ดำเนินไปด้วยความฝืดเคืองอย่าง
                      ยิ่ง จนถึงขั้นต้องทรงตัดและลดงบประมาณรายจ่ายของประเทศลง จนเหลืออยู่ราวกึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับ
                      รัชกาลก่อน เพราะฉะนั้น สภาพอันอัครฐานอย่างหรูหราของบ้านเมืองจึงยุติลง และกลายเป็นสภาพที่

                      สะท้อนความจำเป็นและความประหยัดของบ้านเมืองขึ้นแทนที่” ๖









                                                                                                            1
   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29