Page 160 - kpiebook65043
P. 160
160 สรุปการประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 23
ประชาธิปไตยในภูมิทัศน์ใหม่
การระดมพลังทางการเมือง : จากแบบ “คลาสสิค” (Classic)
สู่การระดมพลังแบบ “ประชานิยม” (Populist)
ตั้งแต่การประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน (พ.ศ. 2560)
ซึ่งทำให้เกิดการเลือกตั้งใน พ.ศ. 2562 สังคมไทยก็พบกับปรากฏการณ์ใหม่ที่เกี่ยวกับ
พรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกำหนดนโยบายหาเสียง การใช้สื่อดิจิทัลในการหาเสียง
และสร้างฐานเสียงภายในเวลาอันรวดเร็ว ตลอดจนการได้เห็นการระดมพลังทางการเมือง
ในรูปแบบใหม่ สติธร ธนานิธิโชติ จึงเริ่มต้นการประชุมกลุ่มย่อยโดยการอธิบายถึงรูปแบบ
ของการระดมพลังทางการเมือง 3 แบบหลัก ที่มีการศึกษาในทางรัฐศาสตร์ คือ
1) การระดมพลังทางการเมืองแบบดั้งเดิมหรือที่เรียกว่ารูปแบบ “คลาสสิค” ซึ่งก็คือ
การระดมพลังทางการเมืองด้วยการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ในโลกของการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยแบบใดหรือมีการผสมกับระบอบการปกครองอย่างอื่น
ก็ตาม ก็จะต้องมี “ตัวแทน” ดังนั้น การระดมพลังทางการเมืองโดยผ่านตัวแทนด้วยวิธีการ
เลือกตั้งจึงปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วไป โดยการรวมตัวในลักษณะนี้เรียกว่า “พรรคการเมือง”
ซึ่งเป็นการรวมกันของกลุ่มคนที่มีอุดมการณ์หรือมีผลประโยชน์บางอย่างตรงกัน เมื่อมารวมกัน
เป็นสมาชิกและมีการก่อตั้งพรรคการเมืองขึ้นแล้ว ถ้าพรรคการเมืองนั้นได้รับการสนับสนุนจาก
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ ก็จะมีสิทธิได้จัดตั้งรัฐบาลเพื่อบริหารประเทศ และเมื่อได้เป็นรัฐบาล
ก็จะต้องระดมการสนับสนุนจากประชาชนมาขับเคลื่อนนโยบายให้ประสบความสำเร็จ
ด้วยเหตุนี้ เมื่อพูดถึงการศึกษาเรื่องการระดมพลังทางการเมืองในสมัยก่อน ก็จะเป็นการมุ่งเน้น
การศึกษาเรื่องพรรคการเมืองว่าพรรคการเมืองนั้นก่อรูปขึ้นมาได้อย่างไร มาจากกลุ่มพลัง
แบบไหน หรืออาจเป็นการศึกษาเรื่องการระดมพลังในการเลือกตั้ง ซึ่งเราสามารถกล่าวรวม ๆ
ได้ว่า การศึกษาเรื่องการระดมพลังทางการเมืองจะมีลักษณะเป็นการศึกษาเรื่องยุทธศาสตร์ของ
พรรคการเมืองว่าใช้วิธีการอันใดระดมเสียงสนับสนุนจากประชาชน และมีการวางยุทธศาสตร์
อย่างไรเพื่อให้พรรคการเมืองนั้นได้รับชัยชนะและสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยส่วนใหญ่การวาง
ยุทธศาสตร์แบบเดิมก็จะเป็นการกำหนดแผนให้สอดคล้องกับภูมิหลังทางเศรษฐกิจและสังคม
ของกลุ่มเป้าหมาย ส่วนการวางยุทธศาสตร์ในยุคหลังก็จะเป็นการเน้นที่การสื่อสารหรือ
การสร้างภาพจำให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ที่เรียกกันว่าเป็นการหาเสียงที่มีลักษณะเป็น
“การตลาดทางการเมือง” (Political Marketing) โดยมีการใช้เทคนิคเรื่องการสื่อสารค่อนข้างมาก
และมีการใช้เครื่องมือในการสื่อสารใหม่ ๆ
สรุปการประชุมกลุ่มย่อยที่ 1 จะมีสองลักษณะ คือ หนึ่ง การระดมพลังจากฐานรากขึ้นมา (Bottom up) การระดมพลัง
2) การระดมพลังมวลชน หรือที่เรียกว่า Mass Mobilization ซึ่งการระดมพลังแบบนี้
มวลชนแบบนี้เป็นลักษณะที่คุ้นเคย นั่นคือ เป็นการระดมพลังจากประชาชนกลุ่มที่อาจรู้สึก
ไม่พอใจกับบางสิ่งบางอย่าง เช่น ไม่พอใจกับการบริหารงานของรัฐบาล และต้องการเรียกร้อง
บางอย่าง การศึกษารูปแบบการระดมพลังมวลชนลักษณะนี้จะเป็นการศึกษาผ่านการชุมนุม