Page 68 - kpiebook65030
P. 68

67


                        อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าจะไม่มีความพยายามของฝ่ายกษัตริย์ ที่จะสละ
              อำานาจที่มีมาแต่เดิมให้กับหลักนิติธรรม ความขัดแย้งระหว่างกษัตริย์กับรัฐสภา

              ยังดำาเนินอยู่เสมอ จนกระทั่งช่วงศตวรรษที่ 17 ความขัดแย้งดังกล่าวนำาไปสู่
              สงครามกลางเมือง ซึ่งเรียกว่า การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ จบลงด้วยความพ่ายแพ้

              ของฝ่ายกษัตริย์ นำาไปสู่กฎหมายว่าด้วยสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมือง (Bill of
              Rights) ค.ศ. 1689 และคำาประกาศสิทธิขั้นพื้นฐานของรัฐสภา ซึ่งเอกสาร
              ทั้งสองนั้นก็ได้อาศัยหลักการเดียวกับมหากฎบัตรแมกนาคาร์ตานั่นเอง


                        ภายหลังจากการปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ ประเทศอังกฤษก็ได้มีการสถาปนา
              หลักการสำาคัญเพื่อวางโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันทางการเมือง

              โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคงไว้ซึ่งสถาบันกษัตริย์ เช่น หลักการอำานาจสูงสุดใน
              การนิติบัญญัติเป็นของรัฐสภา ห้ามกษัตริย์แทรกแซงภารกิจของสภาสมาชิก
              รัฐสภา สมาชิกรัฐสภาต้องมาจากการเลือกตั้ง ห้ามมิให้จัดเก็บภาษีโดยปราศจาก

              ความยินยอมของประชาชน ความเป็นอิสระของศาล การสืบราชสันตติวงศ์
              เป็นต้น


                       ศตวรรษที่ 20 จนถึงปัจจุบัน

                       ช่วงนี้เองที่ประเทศอังกฤษมีความเคลื่อนไหวหลายครั้งจนทำาให้
              ความกฎหมายรัฐธรรมนูญมีความชัดเจนขึ้น เช่น ปี ค.ศ. 1918 การกำาหนด

              ให้พลเมืองอังกฤษทุกคนมีสิทธิเลือกตั้ง จากเดิมที่รับรองสิทธิการเลือกตั้ง
              ให้เพียงผู้ชายเท่านั้น ปี ค.ศ. 1973 เมื่ออังกฤษได้เข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป

              ได้มีการตรากฎหมายว่าด้วยสิทธิมนุษยชนขึ้น อันทำาให้ศาลมีความเป็นอิสระ
              และมีอำานาจหน้าที่ในการคุ้มครองสิทธิประชาชนมากขึ้น ค.ศ. 2005 รัฐสภา
              ได้ออกกฎหมายปฏิรูปรัฐธรรมนูญ อันส่งผลให้สถานะของหลักนิติธรรม มีสถานะ
   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73