Page 64 - kpiebook65024
P. 64

63




           พระมหากษัตริย์ทรงคัดเลือกและแต่งตั้งตามพระราชอัธยาศัย หากรัฐธรรมนูญ

           ก�าหนดเช่นนี้อาจท�าให้ประธานองคมนตรีอยู่ในสภาพเหมือนเป็นองค์กรทางการเมือง
           ขัดกับหลักการที่ว่าพระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง หรืออีกกรณีหนึ่งคือ
           การใช้พระราชอ�านาจยับยั้งร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา

           และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในปี พ.ศ. 2535 ที่แก้ไขเพิ่มโทษปรับในคดี

           ความผิดฐานหมิ่นประมาทไม่เกิน 200,000 บาท และก�าหนดค่าสินไหมทดแทน
           ในมูลละเมิดต่อความเสียหายแก่ชื่อเสียงเป็นสองเท่าของค่าปรับทางอาญา
           ซึ่งในเวลานั้นสังคมไทยก�าลังวิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายดังกล่าวว่าเป็นการจ�ากัด

           ดุลพินิจของศาลและลิดรอนเสรีภาพของสื่อมวลชน (ปูนเทพ ศิรินุพงศ์, 2557)

           ความในประเด็นนี้อาจทราบถึงพระเนตรพระกรรณจึงทรงไม่ลงพระปรมาภิไธยต่อ
           ร่างกฎหมายดังกล่าว เป็นต้น แสดงให้เห็นถึงการเคารพในเชิงอ�านาจซึ่งกันและกันระหว่าง
           ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารในฐานะองค์กรตามรัฐธรรมนูญ กับพระมหากษัตริย์

           ในฐานะที่ทรงเป็นพระประมุขของรัฐ


                  อย่างไรก็ดี เมื่อเราน�าบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2540 และ 2550
           ในหมวดพระมหากษัตริย์มาพิจารณาเปรียบเทียบกันแล้วจะพบว่าบทบัญญัติในหมวด

           พระมหากษัตริย์ของรัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับนั้นมีหลักการส�าคัญที่เหมือนกันทุกประการ
           เพียงแต่ถ้อยค�าบางส่วนอาจมีความแตกต่างกันบ้างเพื่อความสอดคล้องกับบทบัญญัติ

           อื่นที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ขณะที่บทบัญญัติในหมวดพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ
           พ.ศ. 2560 แม้ว่าส่วนใหญ่จะยังคงหลักการไว้เช่นเดิม โดยเฉพาะบทบัญญัติส่วนที่

           เป็นพระราชสถานะ แต่ก็มีบางประเด็นในส่วนของพระราชอ�านาจที่แตกต่างไปจาก
           รัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับก่อนหน้านั้น ซึ่งผู้เขียนจะขอกล่าวถึงในหัวข้อถัดไป
   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69