Page 282 - kpiebook65021
P. 282

โครงการการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางด้านสิทธิและการมีส่วนร่วมแก่ประชาชน:  กรณีศึกษาการพัฒนานโยบายจากภาคประชาชน จังหวัดจันทบุรี





                     9.1.3 บทบำทของรัฐ ประชำชน และองค์กรวิชำกำร

                     บทบาทภาครัฐในการวิจัยครั้งนี้ เป็นการให้ค าปรึกษาหารือเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของพื้นที่ การเก็บ

              ข้อมูลจากภาคส่วนต่าง ๆ การอ านวยความสะดวกด้านการประสานงานและเก็บข้อมูล โดยการให้ข้อแนะน า
              เกี่ยวกับการเก็บแบบสัมภาษณ์ที่ประสานผ่านส านักงานอ าเภอ และในส่วนของการเข้าร่วมประชุมเชิง
              ปฏิบัติการอาจเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท าแผน เช่น ฝ่ายปกครอง พัฒนาชุมชน ท้องถิ่นอ าเภอ เกษตร

              เกษตรอ าเภอ สาธารณสุขอ าเภอเข้ามาด้วย โดยอาจท าหนังสือถึงนายอ าเภอให้นายอ าเภอเชิญบุคคลดังกล่าว
              เข้ามามีส่วนร่วม พร้อมทั้งผู้น าชุมชนที่มีบทบาทในการท ากิจกรรมในพื้นที่ เช่น ปราชญ์ชาวบ้าน ตัวแทน
              องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตัวแทนหน่วยงานระดับท้องที่ ก านัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารท้องถิ่น ฯลฯ

                     บทบาทขององค์กรภาครัฐ กับการศึกษาพฤติกรรมความเป็นพลเมืองส าหรับสังคมไทย (ถวิลวดี บุรีกุล
              และคณะ, 2563) ที่ว่าปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนานโยบายสาธารณะ มีทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก

              ซึ่งปัจจัยภายใน ได้แก่ ความเป็นหุ้นส่วนในการจัดเวที ความร่วมมือของหน่วยงานรับนโยบาย หน่วยงานรับ
              นโยบายเป็นผู้จัด ภาวะผู้น าของผู้บริหารท้องถิ่น หน่วยงานมีประเด็นพัฒนามาก่อน อย่างไรก็ดี งานวิจัยครั้งนี้
              ยังไม่สอดคล้องในเรื่องของผู้เข้าร่วมมีพลเมืองที่กระตือรือร้น และมีหน่วยงานที่รับนโยบายไปปฏิบัติ เนื่องจาก
              ยังขาดกระบวนการพัฒนาข้อเสนอทิศทางการพัฒนา

                     บทบาทภาคประชาชนในครั้งนี้ คณะผู้วิจัยออกแบบให้เป็นทั้งผู้ให้ข้อมูลและร่วมพัฒนาข้อเสนอ

              ทิศทางการพัฒนาจังหวัด แต่ด้วยข้อจ ากัดของสถานการณ์โรคระบาด ท าให้บทบาทภาคประชาชนถูกจ ากัดลง
              เป็นผู้ให้ข้อมูล อย่างไรก็ดี คณะผู้วิจัยได้ส่งแบบสอบถามกลับไปยังผู้ตอบแบบสัมภาษณ์เท่าที่จะสามารถ
              ด าเนินการได้ เพื่อทราบระดับการรับรู้ ทัศนคติ และการแสดงออกด้านการมีส่วนร่วมในเบื้องต้นจากผู้ตอบ
              แบบสอบถามกลับมาจ านวน 23 คน ผลจากแบบสอบถามพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามมีการรับรู้ คิดเห็น และ

              แสดงออกในประเด็นสิทธิและการมีส่วนร่วมในนโยบายสาธารณะอย่างน่าสนใจ โดยประเด็นที่รับรู้มากที่สุด
              เกี่ยวกับเรื่องสิทธิคือสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากการท างานขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)
              องค์การบริหารส่วนต าบล (อบต.) และเทศบาล ตามรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560 มาตรา 253 และมีความ
              คิดเห็นเกี่ยวกับการใช้สิทธิในระดับมากที่สุด ในประเด็นที่ว่า ตนมีสิทธิที่จะร่วมพัฒนาชุมชน รวมทั้งมีสิทธิรับรู้

              ขับเคลื่อน และติดตามผลการขับเคลื่อนนโยบายร่วมกับ อบจ. อบต. เทศบาล หรือหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง
              ขณะที่การแสดงออกเกี่ยวกับเรื่องสิทธิอยู่ระดับมากที่ประเด็น เคารพสิทธิของผู้อื่นโดยรับฟังและเปิดใจยอมรับ
              การแสดงความคิดเห็นของผู้อื่นในเวทีนโยบายสาธารณะ

                     ส่วนการมีส่วนร่วมในกระบวนการนโยบายสาธารณะ ส่วนใหญ่รับรู้ว่าตนมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ

              ในการร่วมบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และพิทักษ์ผลประโยชน์ประเทศ รวมทั้งรับรู้ว่า
              ตามรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560 มาตรา 57 รัฐต้องจัดให้มีพื้นที่สาธารณะส าหรับการท ากิจกรรม โดยต้อง
              ส่งเสริมให้ประชาชน ชุมชน และองค์กรท้องถิ่นมีส่วนร่วม ส่วนความคิดเห็นต่อการมีส่วนร่วมในกระบวนการ
              นโยบายสาธารณะ ผู้ตอบแบบสอบถามคิดเห็นระดับมากที่สุดในสองประเด็น ได้แก่ การมีส่วนร่วมเสนอ
              นโยบายจากภาคประชาชนควรเกิดจากการรวมตัวของชุมชนจึงจะท าให้เสียงของประชาชนได้รับการรับฟัง

              และการจัดท านโยบายต้องการการมีส่วนร่วมจากผู้คนหลายกลุ่ม เช่น ประชาชน หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง
              ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามมีการแสดงออกด้านการมีส่วนร่วมในกระบวนการ







                                                         252
   277   278   279   280   281   282   283   284   285   286   287