Page 27 - kpiebook65021
P. 27
โครงการการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางด้านสิทธิและการมีส่วนร่วมแก่ประชาชน: กรณีศึกษาการพัฒนานโยบายจากภาคประชาชน จังหวัดจันทบุรี
ในการพิจารณาด้วยตามวิธีการที่กฎหมายบัญญัติตลอดจน (4) จัดให้มีระบบสวัสดิการชุมชน สิทธิของบุคคล
และชุมชนตามวรรคหนึ่ง หมายความรวมถึง สิทธิที่จะร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือรัฐในการ
ด าเนินการดังกล่าวด้วย
นอกจากสิทธิของประชาชน รัฐมีหน้าที่ต้องจัดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจอีกหลายเรื่อง
เช่น ตามมาตรา 57 (1) รัฐต้องอนุรักษ์ ฟื้นฟู และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม
และจารีตประเพณีอันดีงาม จัดให้มีพื้นที่สาธารณะส าหรับการท ากิจกรรม โดยต้องส่งเสริมให้ประชาชน ชุมชน
และองค์กรท้องถิ่นมีส่วนร่วมด้วย (2) รัฐต้องอนุรักษ์ คุ้มครอง บ ารุงรักษา ฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยต้องให้ประชาชน และชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมด าเนินการ
และได้รับประโยชน์ด้วย มาตรา 78 รัฐต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ การจัดท า
บริการสาธารณะ การตรวจสอบการใช้อ านาจรัฐ การต่อต้านการทุจริต รวมทั้งการตัดสินใจทางการเมือง และ
การอื่น ๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อประชาชน มาตรา 253 ในการด าเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้
เปิดเผยข้อมูลและรายงานผลให้ประชาชนทราบ และมีกลไกให้ประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมด้วย
(รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560)
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้บัญญัติถึงสิทธิในการ
มีส่วนร่วมของประชาชน หากแต่ยังคงมีความท้าทายในทางปฏิบัติ สิทธิดังกล่าวอาจจะมีการน าไปปฏิบัติใน
การแสดงความคิดเห็น การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน แต่อาจจะยังไม่ครอบคลุมถึงการเสริมสร้างสิทธิ
และการมีส่วนร่วมพัฒนานโยบายจากภาคประชาชนได้อย่างเห็นผลเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ส านักวิจัยและพัฒนา
สถาบันพระปกเกล้า ได้ตระหนักถึงความจ าเป็นในการศึกษาวิจัยเพื่อ พัฒนาตัวแบบการเสริมสร้างความ
เข้มแข็งในการใช้สิทธิและมีส่วนร่วม ระหว่างภาคประชาชน ภาครัฐ และองค์กรวิชาการ
ทั้งนี้ จังหวัดจันทบุรีเป็นพื้นที่เป้าหมายในการด าเนินโครงการ เนื่องจากจังหวัดจันทบุรีเป็นพื้นที่
ใกล้เคียงในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC)
ซึ่งโครงการนี้ส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของจังหวัดในภาคตะวันออก โดยจังหวัด
จันทบุรีเป็นจังหวัดหนึ่งในพื้นที่ดังกล่าวที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาสูงสุดเท่ากับจังหวัดใกล้เคียงอย่างจังหวัดชลบุรี
และระยอง ภาคประชาชนจึงยังมีโอกาสที่จะพัฒนาข้อเสนอทางนโยบายและความต้องการในอนาคต เพราะ
แม้จะยังไม่ได้พัฒนาถึงขีดสุด แต่การเป็นพื้นที่ใกล้เคียงในโครงการ EEC ย่อมส่งผลกระทบจากการพัฒนาทั้ง
ทางบวกและลบ
จากสถิติรายได้เฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือนทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2545-2562 กับสถิติสัดส่วนคนจน
ทั่วประเทศย้อนหลังตั้งแต่ปี 2554 – 2563 แสดงให้เห็นว่าจังหวัดจันทบุรีมีค่าเฉลี่ยที่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของ
ประเทศ ดังภาพ 1.1 และ 1.2 กับตาราง 1.1 และ 1.2 (ส านักงานสถิติแห่งชาติ, 2019) จึงเป็นจังหวัดที่มีความ
เหมาะสมในเชิงระดับการพัฒนาที่ไม่สูงหรือต่ าเกินไปจากค่าเฉลี่ย เพื่อเป็นจังหวัดตัวแบบในการขยายผลยัง
พื้นที่อื่น
2