Page 78 - kpiebook64015
P. 78
เชื่อสองอย่าง อย่างแรกคือ เชื่อในความเป็นอิสระทางการเมืองของแต่ละปัจเจกบุคคลที่แม้นว่าเป็นพ่อแม่ผัวเมียกับ
ส.ส. แต่ก็จะทำหน้าที่ได้อย่างไม่คิดถึงผลประโยชน์ในครอบครัว แต่คิดถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก อ ย่ า งที่
สองคือ เชื่อว่า “ญาติ” ส.ส. คงไม่สมัคร ส.ว. แต่เอาเข้าจริง มันดันไม่เป็นไปอย่างที่คนร่างเชื่อ เพราะวุฒิสภาสมัย
นั้นลงเอยเป็น “สภาผัวเมีย” ต่อมาในรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งมี ส.ว. สองประเภท แต่ก็กำหนดไว้ทั้งสองประเภทว่า
ผู้ที่จะเป็น ส.ว. จะต้องไม่เป็น “ญาติ” กับ ส.ส. ก็เลยมีคนร้องโวยวายว่า ออกกฎหมายแบบนี้ขัดกับหลักสิทธิ
มนุษยชนที่มนุษย์ทุกคนต้องเสมอภาคและมีเสรีภาพที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองไม่ว่าจะในระดับ ส.ส. หรือ
ส.ว. ก็ตาม ที่จริงนอกจากจะขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนแล้ว มันยังขัดกับหลักสิทธิประโยชน์ของคนในครอบครัวด้วย
เพราะมันไปห้ามคนในครอบครัวเดียวกันออกไปเล่นการเมืองเป็น ส.ว. และ ส.ส. เพื่อประโยชน์ของครอบครัวของ
ตน ต่อมาในรัฐธรรมนูญ 2560 เลยไม่มี ส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้งไปเลย แต่ก็มี ส.ว. ที่เป็นญาติชิดกับคณะ คสช.
ไปๆมาๆก็ดูจะไม่ได้ไปไหนไกลจากความกังวลสงสัยเดิมๆ
กลับมาที่กรณีของพรรคอนาคตใหม่ ข้อกังวลที่ว่า สมาชิกพรรคจะมีความเป็นอิสระได้จริงแค่ไหน ? และ
พรรคจะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้เจ้าหนี้ซึ่งก็คือหัวหน้าพรรค ? และการที่หัวหน้าพรรคเป็นลูกหนี้ตัวเองมันจะส่งผล
ยังไง ? และหากพรรคหารายได้ไม่พอใช้หนี้ใช้ดอก แต่เจ้าหนี้คือหัวหน้าพรรคโอนอ่อนผ่อนผันให้ จะเกิด
ความสัมพันธ์ทางความรู้สึกต่อหัวหน้าพรรคที่เป็นเจ้าหนี้ผู้มีเมตตาอย่างไร ?ถ้าตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างมีเหตุมีผล
และมีหลักฐานทั้งเชิงประจักษ์และไม่ประจักษ์ เช่น อาจจะตอบว่า วิสัยทัศน์ของเจ้าหนี้และวิสัยทัศน์ของหัวหน้า
พรรคน่าจะสอดคล้องกัน เพราะทั้งสองสถานะในร่างเดียวกันต่างต้องการให้พรรคโต เจ้าหนี้พรรคก็ต้องการได้เงิน
คืน และหัวหน้าพรรคก็ต้องการให้พรรคได้เสียงข้างมากในสภา สองบทบาทในร่างเดียวแต่มีเป้าหมายเดียวกัน แต่
คำตอบนี้ก็ยังไม่ได้ยืนยันว่า ลูกพรรคมีความเป็นอิสระ แต่ถ้าคิดตาม “ตรรกะทางเศรษฐศาสตร์และบทบัญญัติทาง
กฎหมายของไทย พรรคการเมืองไทยกู้เงินได้แน่ๆ ตราบใดมีผู้ยินยอมจะให้กู้และรับความเสี่ยง เหมือนกับที่พรรค
การเมืองในต่างประเทศ เช่น ประเทศกรีซทำเป็นประจำ กู้จากธนาคารโดยใช้หลักประกันซึ่งเป็นเงินสนับสนุนจาก
รัฐสำหรับการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคจะได้รับในอนาคต” พรรคการเมืองในบ้านเราก็ต้องกู้เงินได้ และไม่ว่าจะกู้ใครก็ตาม
แต่หากว่ากันที่เจตนารมณ์แห่งกฎหมาย-รัฐธรรมนูญไทยที่ต้องการความเป็นอิสระของพรรคการเมืองและ
ส.ส. ในพรรคด้วย ก็คงต้องตีความกันวุ่นวายพอสมควร เพราะบางคนก็ออกมาบอกว่า กู้เงินหัวหน้าพรรคได้ เพราะ
พรรคยังเป็นอิสระ แต่ถ้ากู้ “คนนอกพรรค” พรรคจะไม่อิสระ ซึ่งก็จริง แต่ความเป็นอิสระของคนในพรรคเล่า ?
และถ้าอธิบายในทางปัจจัยเรื่องวัฒนธรรมการเมืองหรือวัฒนธรรมอุปถัมภ์แบบเจ้าหนี้ลูกหนี้แบบไทยๆที่นอกจากจะ
เป็นเรื่องที่นักรัฐศาสตร์ใส่ใจแล้ว ยังเป็นเรื่องที่คนไทยส่วนใหญ่ที่เป็นหนี้หรือเจ้าหนี้ย่อมซาบซึ้งดี เมื่อปี พ.ศ. 2549
ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคการเมืองที่เป็นนายกรัฐมนตรียุบสภาผู้แทนราษฎรทั้งๆที่สภาฯไม่ได้มีปัญหาอะไร
ปัญหามีแต่ที่ตัวหัวหน้าพรรค แต่หัวหน้าพรรคก็ยุบสภาทำให้ ส.ส. ต้องไปลงหาเสียงเลือกตั้งใหม่ทั้งๆที่เพิ่งเลือกตั้ง
ไปได้ปีเดียว แต่ไม่มี ส.ส. พรรคไทยรักไทยคนใดออกมาคัดค้าน เพราะน่าจะเป็นว่าตัวเองไม่ต้องจ่ายเงินค่าหาเสียง
เอง ถ้าเป็นประเทศอื่นที่ ส.ส. มีความเป็นอิสระ ส.ส. คงไม่ยอม ในกรณีของสหาราชอาณาจักร ยังต้องมีการแก้
กฎหมายไม่ให้นายกฯยุบสภาได้ตามอำเภอใจ แต่ต้องได้เสียงสองในสามของ ส.ส. ในสภาถึงจะยุบได้ แม้ว่าพรรคจะ
78