Page 268 - kpiebook64013
P. 268

ผู้ดำารงตำาแหน่งตามที่กฎหมายกำาหนด ดังเช่น วุฒิสภาของประเทศ

          ฟิลิปปินส์ ซึ่งมีอำานาจหน้าที่หลักในการออกกฎหมาย โดยร่างกฎหมาย
          ทุกฉบับต้องผ่านการพิจารณาจากทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
          รวมถึงยังมีการควบคุมการทำางานของฝ่ายบริหารในการทำาหน้าที่ควบคุม

          และตรวจสอบการทำางานของฝ่ายบริหาร ส่งผลให้สามารถมองเห็น
          ข้อบกพร่องและจุดอ่อนบางประการของฝ่ายบริหารและนำาข้อมูลเหล่านั้น

          นำามาใช้ตรากฎหมายใหม่ หรือปรับปรุงกฎหมายเดิมให้มีคุณภาพ
          มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีอำานาจตรวจสอบและตัดสินการถอดถอน
          ผู้ดำารงตำาแหน่งระดับสูงด้วยกระบวนการฟ้องร้องกล่าวโทษ และไต่สวน

          ทั้งนี้ การถอดถอนผู้ดำารงตำาแหน่งของไทยนั้น ตามรัฐธรรมนูญแห่ง
          ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และ 2550 ได้กำาหนดให้วุฒิสภา

          มีอำานาจถอดถอนผู้ดำารงตำาแหน่งออกจากตำาแหน่งได้ หากแต่รัฐธรรมนูญ
          แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ไม่ได้กำาหนดให้มีอำานาจ
          ถอดถอนผู้ดำารงตำาแหน่งตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ออกจากตำาแหน่ง


                   แนวคิดเรื่องระบบรัฐสภาของประเทศไทยซึ่งปัจจุบันนั้นใช้
          ระบบ “สภาคู่” กล่าวคือมีทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา
          ซึ่งแนวคิดระบบสภาคู่นี้ถ้าหากพิจารณาถึงแนวคิดการมีสภาที่สองขึ้นมา

          คือ ถ่วงอำานาจระหว่างสภานิติบัญญัติกับรัฐบาล ซึ่งเกิดจากความไม่มี
          ประสิทธิภาพการถ่วงดุลอำานาจของรัฐสภา ข้อดีของระบบสภาคู่กล่าวได้ว่า

          ทำาให้เกิดการตรวจสอบและสร้างดุลยภาพของสองสภา แต่ทางตรงกันข้าม
          เนื่องจากบทบาทและอำานาจหน้าที่ของวุฒิสภาตามบทเฉพาะกาลนั้น
          ไม่มีอำานาจในการตรวจสอบและถ่วงดุลอำานาจของรัฐ อีกทั้งด้าน

          การพิจารณาพระราชบัญญัติและกลั่นกรองกฎหมายหากใช้ระบบ
          สองสภานั้นอาจเกิดความล่าช้าต่อการพิจารณาอนุมัติ หรือการแก้ไขได้

          ดังนั้นด้วยเหตุเหล่านี้ จึงทำาให้แนวคิดของการมีระบบสภาเดี่ยวนั้น



       268   บทบาทอำานาจหน้าที่ของวุฒิสภาในระบบสภาคู่กับประสิทธิผลในการเสริมสร้างเสถียรภาพทางการเมืองและการพัฒนาประชาธิปไตยไทย
   263   264   265   266   267   268   269   270   271   272   273