Page 61 - kpiebook63014
P. 61
60 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562
จังหวัดสุรินทร์
นายกรัฐมนตรี จนนำาไปสู่การเคลื่อนไหวของมวลชนเพื่อขับไล่พลเอกสุจินดา คราประยูร และเหตุการณ์
การนองเลือดในเดือนพฤษภาคม 2535
แม้ว่าหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 สถานการณ์การเมืองจะผ่านการเลือกตั้งทั่วไป
พรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งกลับไม่มีความมั่นคงและมีอายุในการบริหารกิจการบ้านเมือง
ไม่ยาวนานนัก ด้วยระบบการเมืองยังคงยึดเกาะกับระบบมุ้งการเมืองที่สังกัดพรรคต่างๆ เป็นตัวแปรสำาคัญ
ในการมีเสถียรภาพของรัฐบาล ส่งผลให้เกิดกระแสเรียกร้องปฏิรูประบบการเมืองเพื่อสร้างระบบที่ประกัน
เสถียรภาพของรัฐบาล ประกอบกับความล้มเหลวในการเปิดเสรีการเงินที่นำามาสู่วิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540
จึงมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2540
การเลือกตั้งในปี พ.ศ.2544 โดยกลไกรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่มีฐานคติ
ของผู้ยกร่างที่ต้องการสร้างพรรคการเมืองระบบทวิพรรค ที่เอื้อประโยชน์ให้พรรคใหญ่มากกว่าพรรคเล็ก
โดยผ่านระบบเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อทำาให้การเมืองระดับชาติหลุดพ้นอำานาจครอบงำาของ
ผู้แทนท้องถิ่นต่างจังหวัด รวมทั้งรัฐธรรมนูญ 2540 ยังถูกออกแบบมาให้เกิดฝ่ายบริหารที่เข้มแข็งและ
นายกรัฐมนตรีที่เข้มแข็ง (strong Executive, Strong Prime Minister) ด้วยการมีบทบัญญัติที่สำาคัญใน
มาตรา 217 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำานาจในการให้รัฐมนตรีพ้นจากการเป็น
รัฐมนตรีตามที่นายกรัฐมนตรีถวายคำาแนะนำา” ทำาให้นายกรัฐมนตรีมีอำานาจเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ในการปลด
รัฐมนตรีอย่างที่ไม่เคยมีในรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ (เกษียร เตชะพีระ, 2547, 38-39)
นโยบายการหาเสียงที่ดำาเนินการโดยพรรคไทยรักไทย เกิดจากการรวบรวมความต้องการของ
ภาคส่วนต่างๆ ทั้งกลุ่มนักธุรกิจ กลุ่มนักกิจกรรมเพื่อสังคม รวมถึงประชาชนในระดับรากหญ้า ส่งผลให้
เกิดชุดนโยบาย dual track ที่ตอบสนองความต้องการทั้งธุรกิจและประชาชน ทำาให้การเลือกตั้งเดือน
มกราคม 2544 สามารถกวาดที่นั่งทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
แบบบัญชีรายชื่อได้ถึง 248 ที่นั่งโดยไม่ต้องแสวงหาพรรคร่วมรัฐบาลแต่ประการใด
กติกาภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2540 ส่งผลให้พรรคไทยรักไทยกลายเป็นพรรคการเมืองแรกที่หัวหน้าพรรค
ในฐานะนายกรัฐมนตรีดำารงตำาแหน่งจนครบวาระ 4 ปี โดยที่ในการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2548
พรรคไทยรักไทยยังคงเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับความนิยมโดยได้รับการเลือกตั้งทั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต
และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อถึง 377 ที่นั่ง ความนิยมจากคะแนนเสียงของผู้เลือกตั้ง ส่งผลให้รัฐบาล
ไทยรักไทยที่มาจากการเลือกตั้ง ดำาเนินการที่ เกษียร เตชะพีระ (2553, 37) “ระบอบประชาธิปไตยอำานาจ
นิยมภายใต้อำานาจนำาทางการเมืองของกลุ่มทุนใหญ่โลกาภิวัตน์” โดยมีลักษณะการใช้อำานาจการเมือง
รวมศูนย์อำานาจเด็ดขาดที่หัวหน้าฝ่ายบริหาร ใช้อำานาจในการแก้ปัญหา ความโน้มเอียงและความพร้อม
ที่จะละเมิดสิทธิเสรีภาพในร่างกาย ชีวิต ทรัพย์สินของพลเมือง ก้าวล่วงรัฐธรรมนูญ ผูกขาดการเมือง
และอุปถัมภ์ชาวบ้าน กำาราบและปฏิรูปกลไกรัฐราชการที่อืดอาด พร้อมใช้อำานาจรัฐ “ทำาสงคราม”
แก้ปัญหาวิกฤตของชาติอย่างเบ็ดเสร็จ ในด้านของการบริหารประเทศมีลักษณะของการบริหารแบบธุรกิจ