Page 96 - kpiebook63011
P. 96
96 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่
ที่ได้รับความสนใจแล้วได้โอกาสในการมาเป็นตัวแทนลงเลือกตั้ง หรือบางครั้งต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง
ที่โดดเด่น เช่น หน้าตา การศึกษา ในขณะที่ผู้สมัครเพศชายไม่ตกบนเงื่อนไขทางเพศมากนัก สามารถเข้าไปสู่
พื้นที่การเมืองได้ง่ายมากกว่าผู้หญิง นอกจากนี้ยังได้ข้อมูลในทิศทางเดียวกันอีกว่า ผู้หญิงด้วยกันเองก็ยังไม่พร้อม
ที่จะสนับสนุนผู้หญิงด้วยกันให้เข้าไปทำางานทางการเมือง เพราะสังคมไทยมักทำาให้ผู้หญิงยอมรับบทบาทหน้าที่
ทางเพศของตนเองในครอบครัว
ในขณะที่ผู้สมัครเพศหญิงของพรรคการเมืองใหม่พรรคหนึ่งในเขตอำาเภอเมืองเชียงใหม่ มองว่า
การมาทำางานการเมืองในฐานะผู้สมัครแข่งขันการเลือกตั้งครั้งแรกต้องพิสูจน์อะไรหลายอย่าง “…พอเข้ามา
ต้องเรียนรู้เรื่องการเมืองเยอะเพราะไม่ได้เรียนจบทางด้านการเมืองหรือรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์หรือเกี่ยวข้องอะไร
กับการเมืองเลย เราเข้ามาเพราะคิดว่าอยากแสดงบทบาททางการเมือง เปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง แต่ในเรื่อง
ของการเป็นผู้หญิง มองว่าเดี๋ยวนี้ไม่แตกต่างแล้ว สังคมมีหลายเพศ บริบทของเขตเมืองไม่ค่อยล�าบากมากนัก
กับการเป็นนักการเมืองผู้หญิง เพราะอดีต ส.ส.เขต 1 ก็เป็นผู้หญิง ความเป็นเมืองน่าจะมีผลต่อความคิดคน
ในเรื่องนี้…” (สัมภาษณ์ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. 21 มกราคม 2562)
บทบาทของผู้หญิงในทางการเมืองเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงมาอย่างยาวนาน ความพยายามของ
ทั้งภาครัฐและสังคมในการเรียกร้องสิทธิและความเท่าเทียมทางเพศกลายเป็นส่วนหนึ่งในการเรียกร้องโอกาส
ทางการเมืองของผู้หญิงในพรรคการเมืองและระบบรัฐสภา ความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างชายและหญิงที่เชื่อว่า
ชายเป็นใหญ่เป็นการตอกยำ้าระบบอุปถัมภ์ในสังคมด้วยค่านิยมชนชั้นอำานาจทางเพศ ดังนั้น การพยายาม
ส่งเสริมบทบาทของผู้หญิงคือการก้าวข้ามอุปสรรคการกีดกันของความคิดความเชื่อเกี่ยวกับความแตกต่าง
ทางเพศเป็นตัวกำาหนดความแตกต่างของสิทธิและโอกาสทางการเมืองและสังคม (ไพลิน ภู่จีนาพันธุ์, 2560)
ในขณะที่สังคมพยายามสร้างรากฐานของประชาธิปไตยผ่านกระบวนการของการเลือกตั้ง การพยายามส่งเสริม
บทบาทความเท่าเทียมทางเพศและความเสมอภาคในสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกน่าจะเป็นหนทางหนึ่ง
ของการต่อยอดการพัฒนาการเมืองไทยและเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างประชาธิปไตยด้วยความเสมอภาค
อย่างแท้จริง