Page 75 - kpiebook63008
P. 75

75








                  ของศาลรัฐธรรมนูญอีกด้วย กล่าวคือ ชาวบ้านส่วนหนึ่งมีข้อสงสัยในประเด็นผลของการพิจารณาของศาล

                  ว่ามีความเป็นธรรมทั้งต่อพรรคไทยรักษาชาติ และผู้สมัครฯ รวมถึงพรรคเพื่อไทยหรือไม่อย่างไร โดยที่ประชาชน
                  ในพื้นที่ส่วนหนึ่งเห็นว่ามีเป้าหมายทางการเมือง โดยเฉพาะการมีจำานวน ส.ส. ที่มากพอสำาหรับที่จะสนับสนุน

                  พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง  (นายเอ นามสมมติ และนายสมบูรณ์ นามสมมติ, สัมภาษณ์ 2562)


                          หากพิจารณาในประเด็นผลกระทบต่อการพัฒนาประชาธิปไตย อาจพิจารณาได้ใน 2 แนวทางดังนี้ คือ


                          ประเด็นที่หนึ่ง ด้านบวก ในด้านนี้เป็นการมองถึงมิติการตื่นตัวทางการเมือง อันได้แก่ ความรู้ความเข้าใจ
                  ต่อการมีสิทธิทางการเมืองภายใต้ “อำานาจของประชาชน” นั่นคือประชาชนมีความเข้าใจในอำานาจทางการเมือง
                  ของตนเองสำาหรับใช้ตัดสินใจเลือกนักการเมืองและพรรคการเมืองที่ตนเองสนับสนุนหรือลงคะแนนให้

                  โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่


                          (1)   ผลงานในอดีตที่ทำาในพื้นที่

                          (2)   ประสบการณ์และความสำาเร็จในอาชีพรวมถึงภูมิหลังส่วนบุคคล

                          (3)   นโยบายของพรรคการเมืองของผู้สมัครฯ


                          (4)   ผลงานของพรรคการเมืองในการนำานโยบายไปสู่การปฏิบัติหรือที่ได้นำาเสนอนโยบายให้ประชาชน
                                เลือก

                          (5)   การเรียนรู้หลักการประชาธิปไตยภายใต้ความเห็นต่างหรือความขัดแย้งทั้งในด้านค่านิยม

                                ความเชื่อและทัศนคติ รวมถึงอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน ด้วยการเคารพเสียงข้างมาก
                                หรือการตัดสินใจของคนส่วนใหญ่ว่าจะสนับสนุนนักการเมืองและพรรคการเมืองใด และ

                          (6)   การตรวจสอบนักการเมืองและพรรคการเมืองที่ต้องมีเหมาะสมกับการเป็นนักการเมืองยุคใหม่



                          ในพื้นที่เลือกตั้ง ประเด็นที่กล่าวมาข้างต้นถือเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจในการลงคะแนน
                     ของประชาชนที่จะเลือกหรือไม่เลือกผู้สมัคร ส.ส. หรือพรรคการเมือง การเรียนรู้ทางการเมืองภายใต้หลักการ

                  ประชาธิปไตยดังกล่าวแม้ว่าจะมีปัญหาบ้าง แต่ก็เป็นปัญหาในระดับเล็กหรือเฉพาะบุคคลหรือบางพื้นที่เท่านั้น
                  กล่าวคือ คนในหมู่บ้านหรือชุมชนมีการเปลี่ยนแปลงทัศนคติและค่านิยม รวมถึงความเชื่อทางการเมืองจากอดีต

                  ค่อนข้างมาก โดยที่ผู้สมัคร ส.ส. นั้นมิได้เป็นตัวเลือกหลักที่จะตัดสินใจเลือกหรือไม่เลือก/ลงคะแนน หากแต่มี
                  การนำาปัจจัยอื่น ๆ มาประกอบการพิจารณาในการลงคะแนนด้วย ปัจจัยดังกล่าวที่สำาคัญคือ “พรรคการเมือง”

                  รองลงมาคือ ผลงานของพรรคการเมือง นโยบายของพรรค ในขณะที่ปัจจัยส่วนบุคคล ตามลำาดับ


                          ประเด็นที่สอง ด้านลบ สำาหรับด้านนี้ผลจากกฎเกณฑ์และกติกาการเลือกตั้ง ที่มีรายละเอียดที่มาก
                  และอาจกล่าวได้ว่าซับซ้อนมากกว่าการเลือกตั้งในอดีต ทำาให้นักการเมืองและพรรคการเมืองไม่กล้าที่จะดำาเนิน

                  กิจกรรมทางการเมือง ทั้งการติดป้ายโฆษณาหาเสียง การทำากิจกรรมร่วมงานกับชาวบ้าน งานประเพณี งานบุญ
                  ของชาวบ้านโดยตรง และการประชุมของชาวบ้านในโอกาสและเวลาต่าง ๆ ที่มีอยู่เป็นประจำานั้นผู้สมัคร ส.ส.

                  ไม่กล้าที่จะเข้าร่วม กรณีดังกล่าวข้างต้นทำาให้เกิดช่องว่างในการรับรู้ถึงนโยบายและแนวทางการทำางานของ
   70   71   72   73   74   75   76   77   78   79   80