Page 137 - kpiebook63006
P. 137

137








                          การที่ผู้สมัครและพรรคการเมืองต่างๆ ในอดีตไม่ต่อสู้แข่งขันอย่างจริงจังเพื่อเอาชนะพรรค

                  ประชาธิปัตย์พิจารณาได้จากหลายปัจจัย เช่น การเตรียมการของพรรคก่อนการเลือกตั้ง กระบวนการ
                  ของการสรรหาตัวผู้สมัคร คุณสมบัติและความมีชื่อเสียงของผู้สมัคร ความถี่และความหลากหลายใน

                  การหาเสียงไม่ว่าจะเป็นจากตัวผู้สมัคร หรือการสนับสนุนส่งเสริมจากพรรคการเมืองโดยเฉพาะหัวหน้า
                  พรรคและแกนนำาพรรคช่วยผู้สมัครลงพื้นที่และเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ปรากฏว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้

                  แตกต่างจากครั้งก่อนๆ เป็นอย่างมาก ในแต่ละเขตเลือกตั้งมีผู้สมัครและพรรคการเมืองไม่ตำ่ากว่า 3 พรรค
                  ที่แข่งขันกับพรรคประชาธิปัตย์อย่างจริงจัง


                          ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์ในด้านลบของระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม แต่ข้อดี

                  ก็คือ การมีผู้สมัครและพรรคการเมืองอาสามาเป็นตัวเลือกของประชาชนเป็นจำานวนมากกว่าในอดีต
                  อีกทั้งยังทำาให้พรรคการเมืองแนวทางเลือก พรรคการเมืองของคนเฉพาะกลุ่มกล้าที่จะส่งผู้สมัครลงรับ

                  เลือกตั้งเพราะหวังคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อ เช่น พรรคครูไทย พรรคภาคีเครือข่ายไทย เป็นต้น แม้ว่า
                  พรรคการเมืองเหล่านี้ไม่ได้หวังเพียงคะแนนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นกลุ่มคนเฉพาะกลุ่ม แต่หวังคะแนน

                  เสียงของประชาชนทุกหมู่เหล่าก็ตาม


                          ระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมที่นำามาสู่การมีผู้สมัครเป็นจำานวนมากสูงสุดเป็น
                  ประวัติการณ์นี้ นับว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ในแต่ละเขตเลือกตั้ง
                  จนทำาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีทางเลือกในการ

                  ลงคะแนนให้กับผู้สมัครและพรรคการเมืองต่างๆ มากกว่าในอดีตมาก แม้กระทั่งผู้สมัครที่ไม่มีชื่อเสียงหรือ

                  โนเนมอย่างน้อยก็ได้คะแนนจากเครือญาติและกลุ่มเพื่อน ซึ่งในอดีตคะแนนเหล่านี้อาจเป็นคะแนนของ
                  พรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคการเมืองอื่นๆ ซึ่งลงสมัครเพียงไม่กี่พรรคเท่านั้น




                          2. สภำวะเศรษฐกิจถดถอย


                          การเลือกตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นในสภาวะที่เศรษฐกิจถดถอย ราคาของผลิตผลทางการเกษตรเช่น
                  ยางพารา ปาล์มนำ้ามันลดตำ่าลงเป็นอย่างมากสวนทางกับค่าครองชีพ ปัญหาเศรษฐกิจจึงเป็นประเด็นหนึ่ง

                  ที่ถูกนำามาใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งในครั้งนี้ เนื่องจากเสียงสะท้อนของประชาชนในพื้นที่ที่เห็นว่า
                  การดำาเนินงานของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบ

                  แห่งชาติ (คสช.) ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ได้ ด้วยการเชื่อมโยงกับบทบาทของอดีตส.ส.
                  พรรคประชาธิปัตย์ว่าไม่ทำาหน้าที่เป็นตัวแทนเพื่อสะท้อนความเดือดร้อนของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล

                  ในขณะที่ผู้สมัครจากพรรคการเมืองอื่นๆ บางพรรค ได้แสดงบทบาทนี้อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดก่อนหน้า
                  การเลือกตั้งนานหลายปี เช่น เขตเลือกตั้งที่ 7 ที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยศิริโชค โสภา พ่ายแพ้การเลือกตั้ง

                  ให้กับณัฐฎ์ชนน ศรีก่อเกื้อ พรรคภูมิใจไทย เนื่องจากณัฐฎ์ชนน แสดงบทบาทเป็นผู้รวบรวมความเดือดร้อน
                  ของประชาชนในพื้นที่จากราคาตกตำ่าของยางพารา ปาล์มนำ้ามัน นำาเสนอแก่นายกรัฐมนตรีหรือ
   132   133   134   135   136   137   138   139   140   141   142