Page 176 - kpiebook62014
P. 176

จากตารางสรุปผลการสัมภาษณ์เชิงลึกข้างต้นจะเห็นได้ว่าผู้ให้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่มองว่าการด าเนิน

               กิจกรรมส่งเสริมการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงสร้างความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของความ
               กระตือรือร้นของคนในชุมชนโดยเฉลี่ยคือร้อยละ 50 อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ที่มองว่าการด าเนินกิจกรรมนี้ขัด

               ผลประโยชน์ที่พวกเขาเคยได้ ดังที่ Oldy กล่าว ทั้งนี้อาจเป็นเพราะหลายฝ่ายมองว่าการจ่ายเงินเป็นวัฒนธรรม

               ดังที่ ส.ค. ชี้ให้เห็นว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่มองว่าผู้ที่สมัครรับเลือกตั้งนั้นมีเงินเดือนดังนั้นการจ่ายเงินเข้าไปก่อน
               รับต าแหน่งจึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว ดังที่ชาวบ้านกล่าวว่า  “จะไม่ให้ได้อะไรบ้างเลยหรอ” ซึ่งค าพูดของ ส.ค.

               สอดคล้องกับบทให้สัมภาษณ์ของ สมาชิกสภาเทศบาลจ านวนหนึ่งที่กล่าวว่า ชาวบ้านเข้าใจว่าการให้เงินก่อน

               เข้ารับต าแหน่งคือ “ความยุติธรรม” เพราะพวกตนจะเข้ามาท างานมีเงินเดือนและอีกประการคือพวกตนมองว่า

               เรื่องนี้เป็นสินน ้าใจเท่านั้น ด้าน ชบ. 1 ก็ยอมรับว่าเรื่องการจ่ายเงินนั้นเป็น “ธรรมเนียม”
                       โดยในส่วนสาระความรู้ที่ผู้น าท้องที่ผู้น าท้องถิ่นส่วนใหญ่ได้รับนั้นเป็นเรื่องของข้อดีของการเลือกตั้ง

               ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง และข้อเสียของการซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้ง มีบางส่วนที่กล่าวว่าชอบในเรื่องของ

               บทบาทหน้าที่ความเป็นพลเมืองและประชาธิปไตย ด้านการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์นั้นพบว่ามีผู้น าท้องที่ ผู้น า

               ท้องถิ่น รวมไปถึงปราชญ์ชาวบ้านที่เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างความเข้าใจเรื่องความเป็น
               พลเมือง ประชาธิปไตย และการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่น าความรู้ไป

               เผยแพร่ต่อกับคนในชุมชน ส่วนหนึ่งอาจเป็นดังที่ Young และ สท.1 บอกว่า ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับสาธารณะชน

               เพราะยังไม่ถึงฤดูกาล โดยวิธีการเผยแพร่ส่วนใหญ่เป็นการประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสาย โดยแผ่นซีดีที่ผู้วิจัย
               ได้จัดท าให้นั้นเป็นเครื่องมือเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ที่ได้รับการน าไปเผยแพร่ต่อมากที่สุด

                       อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่าการประชาสัมพันธ์ของผู้น าท้องที่ส่วนใหญ่เป็นการประชาสัมพันธ์ว่าได้ท า

               กิจกรรมใดไปบ้างเท่านั้นไม่ได้กล่าวถึงเนื้อหาเชิงลึก ดังที่ Soldier1 กล่าวว่า ความรู้ที่ผู้น าท้องที่ท้องถิ่นถ่ายทอด
               นั้นส่วนใหญ่กล่าวว่าสถาบันฯมาเท่านั้น ยังไม่ค่อยมีการถ่ายทอดความรู้อย่างจริงจัง นอกจากนั้นการกล่าวถึง

               กิจกรรมนี้ส่วนใหญ่เป็นการกล่าวในเชิงห้ามปราม ดังเช่นที่ Oldy กล่าวว่าตนได้ประชาสัมพันธ์ในการประชุม

               หมู่บ้านและพูดเสมอว่า “มันหมดยุคแล้วเรื่องการใช้เงิน” “อย่าคิดว่า จะจ่ายเงินได้นะ จะติดคุกไม่รู้ตัว” เป็นต้น

               อย่างไรก็ตาม ผลสะท้อนของคนในชุมชนต่อการประชาสัมพันธ์ของผู้น าพบว่ามี 3 ลักษณะ บางส่วนก็รับฟัง
               ขณะที่บางส่วนมีท่าทีเฉยๆ ดังที่ บ.3 กล่าวว่าใครที่ไม่เห็นด้วยก็เงียบๆไป ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งแสดงออกอย่าง

               ชัดเจนว่าไม่ชอบโครงการนี้ ดังที่ ส.น.บอกว่าชาวบ้านบางคนกล่าวว่า “ท าไมเข้ามาบ่อยแท้” และดังที่ พ.ช.

               กล่าวว่า ชาวบ้านบางคนก็ “ชังขี้หน้า” และดังที่ Oldy กล่าวว่าบางคนมองว่าการประชาสัมพันธ์ของตนเป็นการ
               “ขัดลาภ” ของพวกเขา

                       เรื่องของปัจจัยที่จะส่งผลต่อชัยชนะในการเลือกตั้ง พบว่าญาติและเงินได้รับการกล่าวถึงมากที่สุด โดยมี

               เรื่องของความดีและนโยบายตามมาตามล าดับ อย่างไรก็ตาม เรื่องของญาติและเงินนั้นจากบทสัมภาษณ์แสดงให้




                                                                                                         160
   171   172   173   174   175   176   177   178   179   180   181