Page 58 - kpiebook62006
P. 58
53
ตั้งแต่การปฏิวัติฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกาเป็นต้นมา กระแสเสรีนิยมก่อให้เกิดแนวคิดที่ว่า
ประมุขและรัฐไม่ได้รวมเป็นอันเดียวกัน และหลักการที่ว่าประชาชนต้องนับถือรัฐมากกว่าตัวบุคคลที่ปกครอง
รัฐ จึงท าให้เกิดความเป็นพลเมืองที่เน้นความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนและรัฐแทน ดังนั้น ความจงรักภักดี
ต่ออุดมคติทางการเมืองจึงมาแทนความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ การปฏิวัติของสหรัฐอเมริกาและ
ฝรั่งเศสได้ประกาศใช้หลักการเหล่านี้ในรัฐธรรมนูญของทั้งสองประเทศ คือ Declaration of Independence
(1776) and Declaration of the Rights of Man and the Citizen (1789)
ศตวรรษที่ 19 และ 20 อุดมการณ์แบบเสรีนิยมท าให้ค านิยามของความเป็นพลเมือง
กลายเป็นเรื่องของสิทธิและเสรีภาพ ค านิยามดังกล่าวมีข้อสมมติฐานว่าพลเมืองทุกคนมีเหตุผลและ
มีทางเลือกที่เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชนชั้น หรือ เพศ แต่อย่างไรก็ตาม ในสมัยนี้ความเสมอภาค
ก็ยังเป็นได้แค่ความเสมอภาคในประเด็นของกฎหมายเท่านั้น แต่หลังจากสงครามโลกที่ 2 มุมมองของสิทธิ
พลเมือง ได้รวมถึงสิทธิทางการเมืองและสิทธิทางสังคมด้วย เนื่องจากได้พิสูจน์ว่าความเสมอภาคด้าน
กฎหมายแต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้ท าให้เกิดความเสมอภาคอย่างแท้จริง ดังนั้น รัฐมีหน้าที่คุ้มครองพลเมือง
ทางด้านสังคมด้วย ด้วยเหตุนี้ รัฐสวัสดิการจึงการเกิดขึ้น และส่งผลกระทบต่อทัศนคติของประชาชน
ความเป็นพลเมืองในประเทศตะวันตกจึงมีวิวัฒนาการเป็น 3 ช่วง ช่วงแรกคือมีการให้สิทธิ
พลเมือง (Civic rights) แก่พลเมืองทุกคนบนพื้นฐานของสถานะ เสรีภาพ และความสามารถ อิสรภาพทาง
ความคิด ความมีเหตุมีผล ภายใต้กฎหมายที่บังคับใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม ช่วงที่สอง หลังการปฏิวัติ
อุตสาหกรรมและยุคแห่งภูมิธรรม มีการให้สิทธิทางการเมือง (Political rights) เริ่มแรก คือ สิทธิในการ
ลงคะแนนเสียง ตามมาด้วยการมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นและการรวมกลุ่ม ช่วงสุดท้าย หลัง
สงครามโลกครั้งที่ 2 มีการให้สิทธิทางสังคม (Social rights) เช่น การได้รับเงินชดเชยหากว่างงาน การได้รับ
เงินบ าเหน็จ เป็นต้น
2.3.2 ความหมายของ “พลเมือง” และ “ความเป็นพลเมือง”
29
พลเมือง แปลว่า ประชาชน ราษฎร ชาวประเทศ ค าว่า “พลเมือง” มาจากภาษาลาติน
ว่า cives (พลเมือง) ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบประชาธิปไตยในกรีกและโรมัน ต่อมาในยุคสมัยกลางไม่ได้น ามาใช้
29 พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554