Page 39 - kpiebook62006
P. 39
34
ได้ ไม่ยอมตกอยู่ภายใต้อิทธิพลอ านาจ หรือภายใต้ระบบอุปถัมภ์ของผู้ใด เด็กจะกลายเป็นผู้ใหญ่ และเป็น
พลเมืองหรือสมาชิกคนหนึ่งในสังคมได้อย่างแท้จริง เมื่อสามารถรับผิดชอบตนเองได้
(2) เคำรพสิทธิผู้อื่น ในระบอบประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ แต่ถ้าทุกคนใช้สิทธิเสรีภาพ
โดยค านึงถึงประโยชน์ของตนเอง หรือเอาแต่ความคิดของตนเองเป็นที่ตั้ง โดยไม่ค านึงถึงสิทธิเสรีภาพของ
ผู้อื่น หรือไม่สนใจว่าจะเกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ใด ย่อมจะท าให้เกิดการใช้สิทธิเสรีภาพที่กระทบกระทั่งจน
ไม่อาจที่จะอยู่ร่วมกันอย่างผาสุกต่อไป ดังนั้น พลเมืองในระบอบประชาธิปไตยจึงต้องใช้สิทธิเสรีภาพอย่างมี
ขอบเขต คือ เคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น และใช้สิทธิเสรีภาพเท่าที่ไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ซึ่ง
สอดคล้องกับมาตรา 25 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน
(3) เคำรพควำมแตกต่ำง ในระบอบประชาธิปไตย ได้ยึดหลักการมีเสรีภาพที่ยอมรับความ
หลากหลายของประชาชน ประชาชนจึงแตกต่างกันได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลือกอาชีพ วิถีชีวิต ความเชื่อ
ทางศาสนา หรือความคิดเห็นทางการเมือง ดังนั้น เพื่อไม่ให้ความแตกต่างน ามาซึ่งความแตกแยก พลเมือง
ในระบอบประชาธิปไตยจึงต้องยอมรับและเคารพความแตกต่างของกันและกัน เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้
และต้องไม่ใช้ความรุนแรงต่อผู้ที่เห็นแตกต่างไปจากตนเอง
(4) เคำรพหลักควำมเสมอภำค ในระบอบประชาธิปไตย เมื่ออ านาจสูงสุดของประเทศเป็นของ
ประชาชนทุกคน ประชาชนจึงเป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน เมื่อเป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน ทุกคนจึงเท่า
เทียมกันในฐานะเจ้าของประเทศ ดังนั้น พลเมืองจึงต้องเคารพหลักความเสมอภาคและจะต้องเห็นคนเท่า
เทียมกัน คือเห็นคนเป็นแนวระนาบ เห็นตนเท่าเทียมกับคนอื่น และเห็นคนอื่นเท่าเทียมกับตน
(5) เคำรพกติกำ ในระบอบประชาธิปไตย ต้องใช้กติกาหรือกฎหมายในการปกครอง ไม่ใช่
อ าเภอใจ หรือใช้ก าลัง โดยทุกคนต้องเสมอภาคกันภายใต้กติกานั้น พลเมืองจึงต้องเคารพต่อกติกา และ
ยอมรับผลของการละเมิดกติกา ดังนั้น หากมีปัญหาหรือความขัดแย้งเกิดขึ้นก็ต้องแก้ไขโดยใช้วิถีทาง
ประชาธิปไตย และกติกา ไม่เล่นนอกกติกา และไม่ใช้ก าลังหรือความรุนแรง
(6) รับผิดชอบต่อสังคม และส่วนรวม ในระบอบประชาธิปไตย พลเมืองต้องตระหนักว่าตนเอง
เป็นสมาชิกคนหนึ่งในสังคม และรับผิดชอบต่อการกระท าของตน พลเมืองจึงไม่ใช่คนที่ใช้สิทธิเสรีภาพตาม
อ าเภอใจ และท าให้สังคมเสื่อมหรือเลวร้ายลงไป พลเมืองจึงต้องรับผิดชอบต่อสังคม และมองตนเอง
เชื่อมโยงกับสังคม เห็นตนเองเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา และมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหานั้น
ในหลายประเทศได้มีพัฒนาการของการสร้างความเป็นพลเมือง โดยใช้กระบวนการจัดการศึกษา
เพื่อสร้างความเป็นพลเมืองทั้งการศึกษาในระบบ และการศึกษานอกระบบ ดังเช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา