Page 52 - kpiebook61002
P. 52

ความชอบธรรมในการทํางานเพื*อสิ*งดีในชุมชนและไม่ได้มองเป็นสถาบันที*จะเข้ามาแก้ปัญหาความไร้

               ประสิทธิภาพของระบบศาล

                      เดชา สังขวรรณ (=>>g) ได้ทําการถอดบทเรียนขั,นตอนการทํางานของเครือข่ายยุติธรรมชุมชนในพื,นที*
               จังหวัดพัทลุง  พบว่า เมื*อเกิดปัญหาขึ,นในชุมชน คู่กรณีจะแจ้งปัญหาหรือคดีให้เครือข่ายชุมชนทราบหรือ

               บางครั,งเครือข่ายชุมชนจะทราบเอง เนื*องจากเป็นคนในชุมชน

                      ผู้ประสานงานเครือข่ายยุติธรรมชุมชนเชิญเครือข่ายยุติธรรมชุมชนทั,งหมดในพื,นที*หรือพื,นที*ใกล้เคียง
               ให้เข้าร่วมประชุม พร้อมแจ้งปัญหาข้อขัดแย้งให้ทราบ หากเป็นปัญหาเล็กๆ จะดําเนินการจนแล้วเสร็จโดยการ

               สรรหาบุคคลที*เป็นที*เคารพนับถือในชุมชนมาศึกษาปัญหาที*เกิดขึ,น และให้ผู้เสียหาย ผู้กระทําความผิดมา

               พบปะพูดคุยกัน แล้วนําข้อมูลทั,งหมดมาปรึกษาหารือกัน

                      ในการประชุมของเครือข่าย มีการเชิญฝ่ายผู้กระทําผิด ฝ่ายผู้เสียหาย และบุคคลในชุมชนมาเข้าร่วม
               ประชุม ซึ*งเป็นการประชุมชนพบปะกันเอง มีลักษณะเป็นการล้อมวงสนทนากันในเชิงประนีประนอม โดย

               เครือข่ายยุติธรรมชุมชนดําเนินการให้การประชุมพูดคุยเป็นไปโดยเรียบร้อยตั,งแต่การกล่าวถึงเป้ าหมาย

               วัตถุประสงค์การประชุม ข้อตกลง กติกา และแก้ไขปัญหาเมื*อการพูดคุยมีแนวโน้มที*จะเป็นอุปสรรคการประชุม
               และจดบันทึกรายงานการประชุม บันทึกข้อตกลงร่วมกันของที*ประชุม จดรายงานความก้าวหน้าหรือการ

               เปลี*ยนแปลงเงื*อนไขข้อตกลง หลังจากนั,นให้ผู้เสียหายและชุมชนได้มีโอกาสพูดถึงความเสียหายและความ

               เดือนร้อนที*ได้รับ ให้ผู้กระทําผิดได้พูดถึงความสํานึกผิดที*ได้ทําลงไป โดยมีเครือข่ายเป็นผู้ดําเนินการพูดคุย
               ปรึกษากันจนนําไปสู่การขอโทษและให้อภัยซึ*งกันและกัน รวมทั,งการหาแนวทางแสดงความรับผิดชอบและ

               สํานึกผิดกับเหตุการณ์ที*เกิดขึ,น เช่น การชดใช้ค่าเสียหาย การตั,งปณิธานที*จะปฏิบัติในแนวทางที*ดีของผู้กระทํา

               ผิด โดยในแต่ละกรณีต้องใช้เวลาในการดําเนินการที*แตกต่างกัน สําหรับสถานที*มีลักษณะที*หลากหลายและไม่
               เป็นทางการ เช่น วัด หรือ ลานในหมู่บ้าน เป็นต้น เครือข่ายชุมชนจะดึงชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมเพื*อสร้าง

               ความตระหนักว่าปัญหาที*เกิดขึ,นชุมชนเป็นผู้เสียหายด้วย จากนั,นจะแจ้งให้สํานักงานคุมประพฤติทราบเพื*อลง

               สถิติปฏิบัติงานในกรณีต่างๆ เดือนละ B ครั,ง

                      กรณีที*ดําเนินการตามกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ไม่สําเร็จ ไม่สามารถทําข้อตกลงกันได้
               จะแจ้งให้เครือข่ายยุติธรรมชุมชนระดับอําเภอทราบเพื*อขอคําแนะนําจากสํานักงานคุมประพฤติ ซึ*งสํานักงาน

               คุมประพฤติจะประสานงานกับกรรมการสมาชิกชมรมสานสันติพัทลุงให้เข้าร่วมเป็นพี*เลี,ยงในการดําเนินการ

               จนแล้วเสร็จ โดยแกนนําของชมรมสานสันติจะทําการเจรจาพูดคุยกับคู่กรณีอีกครั,ง
                      กรณีที*เกิดความขัดแย้งส่วนใหญ่ ถ้าคู่กรณีพักอยู่ในชุมชนเดียวกัน คนในชุมชนย่อมทราบรายละเอียด

               ของข้อพิพาท โดยเฉพาะสังคมชนบท ซึ*งจะง่ายในการนําเข้าสู่กระบวนการสมานฉันท์ หลังจากนั,นเครือข่าย

               ยุติธรรมชุมชนจะดึงชาวบ้านเข้าร่วมเพื*อสร้างความตระหนักว่าปัญหาที*เกิดขึ,นนั,นชุมชนเป็นผู้เสียหายทางอ้อม

                                                            43
   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56   57