Page 93 - b29420_Fulltext
P. 93

เป็นข้อตกลงร่วมกัน (MOU) ในการหาเสียงอย่างสร้างสรรค์ไม่โจมตีซึ่งกันและกัน แต่สำหรับบางที่อาจไม่ได้

               ข้อตกลงที่ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรออกมาเมื่อสิ้นสุดเวทีก็ไม่ถือว่าผิดแปลกประการใด


                       แกนนำพลเมืองเล่าถึงบรรยากาศและกระบวนการในเวทีเสวนาโดยสังเขปว่า “ก็เอาคนบ้านสว่างมา 7 คุ้ม
               คุ้มละ 10 คน เอาแกนนำจริงๆ มาคุยกันว่าปัญหาของเรามีอย่างไรบ้าง และถามว่าสิ่งที่เราอยากทำที่สุดคืออะไร

               เขาก็ว่า เอาการเลือกผู้ใหญ่บ้านที่จะเกิดข้างหน้ามาทำก่อนดีไหม ก็คือคุยกันก่อนเลยได้ไหมว่าเราจะมาเป็นผู้นำ

               เขาก็รู้อยู่ว่าจะมีใครลงบ้างก็มาคุยกันว่าเราจะเอาเส้นทางสายเดิมมาแก้อย่างไร หนึ่งผู้สมัคร ผู้เลือก ความเข้าใจใน

               ชุมชนต้องเข้าใจเป็นหนึ่งเดียวกัน เราจะลดอะไรบ้าง เอามาเรียนรู้ด้วยกัน ไม่ใช่เราสั่ง แต่เป็นวิธีลด ถ้าผู้สมัครไม่

               จ่าย ผู้มีสิทธิก็ไม่รับ ถ้าพี่น้องจะเรียกก็บอกไปว่าเราวางกติกาแบบนี้ ทีนี้พอจะจบเขาก็เสนอมาว่าเรามาทำปฏิญญา

               กันว่าสาบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านสว่างว่าต่อไปนี้จะไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ทีนี้พอได้ข้อสรุปเราก็เอาสิ่งเหล่านี้ออก

               ประชาสัมพันธ์ รอบไปในหมู่บ้าน จะได้ขนาดไหนก็ว่าไป ก็เท่าที่เราจะทำได้ พี่น้องก็เอาไปคุยต่อ...”

                       แกนนำพลเมืองอีกรายกล่าวเสริมในส่วนของกระบวนการว่า “ที่นี่จัดเวทีที่ตำบลสว่างเราเอาผู้นำมาก่อน

               ผู้ใหญ่บ้าน สอบต. หน่วยงานตำรวจใครมีบทบาท โรงพยาบาล โรงเรียน เราก็เอาเข้ามา กศน. พวกเหล่านี้มีอะไร

               ในมือ เราก็เอาคนเหล่านี้มาคุยถึงหลักการที่เราจะทำ เสร็จแล้วเราก็หวังว่าคนเหล่านี้จะไปขยายผลต่อ แต่พอไม้ที่

               เราส่งมันไม่ไป มันหยุดแค่นั้น เราก็ต้องมาวางแผนกันใหม่ มาเคลื่อนต่อในเวทีที่สอง ที่สาม ก็ต้องทำต่อ

               ทำต่อเนื่อง จนกว่าจะเกิดสำนึกวัฒนธรรม”

                       แกนนำพลเมืองรายหนึ่งกล่าวถึงบรรยากาศในเวทีเสวนาว่าได้รับความร่วมมือจากผู้สมัครเป็นอย่างดี

               ทุกหมายเลขยินดีเข้าร่วมแลกเปลี่ยนในเวที ส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้งก็ให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังการเสนอนโยบาย

               และมีส่วนร่วมในการซักถามผู้สมัครแต่เรื่องของข้อสรุปร่วมกันว่าจะหาเสียงกันอย่างไรมีกติกากันอย่างไรแต่ละที

               ก็จะต่างกันออกไป “ตอนทำกติกาก่อนที่จะมาถึงตรงนี้ก็ทำกติกาว่าจะทำยังไงให้เราไว้วางใจกัน ผมเสนอให้ไปทำ

               ปฏิญญาสาบานตนกับหลวงพ่อได้ไหม ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่เอาตัวเงินมาเป็นตัวตั้ง แต่ว่าเอาตามกฎหมาย
               เราจะไม่หักหลังไม่เอาเงินไปแทงกันข้างหลัง ใครทำก็ขอให้วิบัติ...” ด้านแกนนำพลเมืองอีกรายหนึ่งกล่าวถึง

               ข้อสรุปที่ได้จากการจัดเวทีเสวนาว่า ได้ข้อสรุปร่วมกัน คือ “...1) ผู้สมัครจะไม่จ่ายเงินซื้อเสียง 2) จะไม่วิวาท

               บาดหมางไม่ทะเลาะกัน 3) ไม่เอาเปรียบกันในการแข่งขัน จะขึ้นชกตามกติกาทุกอย่าง 4) จะซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน

               พี่น้องเป็นพยายนก็แล้วกันว่า ใครจ่ายไม่จ่าย ส่วนผู้มีสิทธิจะทำแบบนี้คือไม่รับ ถ้ารับถ้ารู้ก็ผิดกฎหมาย” แกนนำ

               พลเมืองอีกรายเสริมว่า “ตอนนั้นมี ม.44 อยู่ ผมก็ขู่ว่าคนที่จ่ายจะไม่ได้เป็น ผมจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องนายอำเภอ

               ผมบอกไว้เลย มันเลยลดได้แบบนี้”







                                                                                                           80
   88   89   90   91   92   93   94   95   96   97   98