Page 80 - b29256_Fulltext
P. 80

กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพระคลัง ฯ และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ นายกกรรมการฝิ่นซึ่ง

                                                                                194
            ทั้งหมดเห็นด้วย กับการให้สัตยาบันสัญญาและให้ถอนข้อสงวนในเรื่องกัญชาได้แล้ว

                   พระวรวงศ์เธอกรมหมื่นเทววงศวโรทัย จึงได้นำเรี่องนี้ไปขอพระราชทานพระราชสัตยา- บันแก่

            พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้รับรองหนังสือสัญญาดังกล่าว จากนั้นได้ทำหนังสือให้ หม่อมเจ้า

            วรรณไวทยากร วรวรรณ มอบแก่สำนักงานสันนิบาตชาติ ว่ารัฐบาลไทยพร้อมที่จะให้สัตยาบัน สัญญาว่า

            ด้วยยาเสพติดให้โทษ และขอถอนข้อสงวนในเรื่องกัญชาทั้งหมด


                   จนกระทั่งวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2472 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรง
            รับรองหนังสือ สัญญาว่าด้วยยาเสพติดให้โทษและประกาศให้ทราบทั่วกันว่า


                   “...ด้วยเหตุว่านานาประเทศได้ตกลงกันลงนามหนังสือสัญญา, โปรโตคอล และข้อกำหนด ครั้งสุดท้าย ว่าด้วย

            ยาเสพติดให้โทษที่เมืองเจนีวา เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2468 (ตรงกับคริสตศักราช 1925) ด้วยเหตุว่า
            การที่ผู้แทนของเราลงนามในข้อกำหนดครั้งสุดท้ายที่กล่าวมาแล้ว โดยอาศัยตราตั้งมอบอำนาจเต็มของเรานั้น ได้ทำ

            คำปฏิญาณไว้ดังต่อไปนี้ :


                   ในการลงนามในหนังสือสัญญาและข้อกำหนดครั้งสุดท้ายนี้ คณะผู้แทนรัฐบาลสยามขอกล่าวว่า โดยเหตุที่ไม่

            มีคำสั่งเรื่องกัญชา อันเป็นเรื่องที่ไม่ได้กำหนดไว้เดิมในระเบียบวาระแห่งการประชุม คณะผู้แทนรัฐบาลสยามจึงจำเป็น
            ที่จะสงวนความในหมวดที่ 3 เรื่องยาปรุงจากกัญชา และหมวดที่ 4 และที่ 5 เฉพาะที่เกี่ยวกับกัญชา และด้วยเหตุว่า

            เมื่อได้พิจารณาตามสมควรแล้ว เราเห็นว่าข้อสงวนที่กล่าวมาข้างบนนั้นไม่จำเป็นนัก เพราะฉะนั้นเราจึงอนุมัติให้ถอน

            ข้อสงวน นั้นเสียได้เพราะฉะนั้นเมื่อเราได้เห็นและได้ตรวจหนังสือสัญญา, โปรโตคอล และข้อกำหนดครั้ง สุดท้ายที่

            กล่าวมาข้างบนนี้เป็นที่พอใจแล้ว เราจึงเห็นชอบด้วย และสัตยำบันหนังสือสัญญา, โปรโตคอล และข้อกำหนดครั้ง

            สุดท้ายนี้ โดยปราศจากข้อสงวน และเรารับรองว่า รัฐบาลสยาม จะได้ถือตามบทและพยัญชนะแห่งข้อความนั้นๆ โดย
            มิให้มีที่ขัดขวางประการใดจน เต็มกำลัง ของเรา…”
                                                      195


                   หลังจากการประกาศรับรองหนังสือสัญญาครั้งนี้ ประเทศไทยก็ได้ให้สัตยาบันสัญญา ว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ
             และเข้าร่วมเป็นภาคีแห่งสัญญาอย่างเป็นทางการ ซึ่งทำให้มีกฎหมายควบคุมกัญชาในไทยให้กัญชาเป็นสิ่งผิด

             กฎหมาย แต่เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวมีช่องโหว่ไม่ได้ครอบคลุมเรื่องเกี่ยวกับกัญชาทั้งหมด คือ ไม่ได้มีกฎหมายที่

             ห้ามปลูกต้นกัญชา และการใช้กัญชาดิบไม่ได้มีบทลงโทษแก่ผู้ที่ละเมิดกฎหมายเรื่องกัญชา และข้อกฎหมายส่วนใหญ่

             ใช้ระหว่างประเทศมากกว่าใช้ในประเทศ ส่งผลให้คนไทยยังคงปลูกต้นกัญชา ซื้อขายและใช้เพื่อความบันเทิงได้อยู่

             ดังรายงานของกระทรวงมหาดไทยที่ได้ชี้แจงเรื่อง การควบคุมกัญชาออกจากนอกประเทศว่า แม้จะมีกฎหมายห้าม




                   194  เรื่องเดียวกัน.  หน้า 10-11.

                   195  เรื่องเดียวกัน,  หน้า 32-33.
                                                            79
   75   76   77   78   79   80   81   82   83   84   85