Page 79 - b29256_Fulltext
P. 79
มหาดไทยก็ได้เห็นด้วยกับคำขอ จึงมีการเตรียมบรรจุกัญชาให้เป็นสารเสพติด โดยออกราชกิจจานุเบกษา
เรื่อง กฎเสนาบดี เรื่องกัญชา เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2468 ดังนี้
“...เจ้าพระยายมราช เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เห็นชอบด้วยคำแนะนำของอธิบดีกรม สาธารณสุข
ในข้อที่ให้เพิ่มชนิดยาเสพติดให้โทษเข้าในบัญชี ตามความในมาตรา 4 และ 6 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติด
ให้โทษ พระพุทธศักราช 2465 นั้นแล้ว จึงประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ยาที่ปรุงด้วยกัญชาก็ดี ยาผสมหรือของ
ปรุงใดๆ ที่มีกัญชาก็ดี กับทั้งยางกัญชาแท้หรือที่ได้ปรุงปนกับวัตถุใดๆ เหล่านี้ ให้นับว่าเป็นยาเสพติดให้โทษ
192
ทั้งสิ้น…
จากการประกาศดังกล่าว นับได้ว่าเป็นกฎหมายฉบับแรกที่ใช้ควบคุมกัญชาให้เป็นสารเสพติด แต่อย่างไรก็
ตามเนื้อหาของกฎเสนาบดีเรื่องกัญชาฉบับนี้ ก็มีข้อบกพร่องอยู่ คือ กัญชายังไม่ได้เป็นสารเสพติดอย่างสมบูรณ์ เพราะ
ในเนื้อหามีระบุเพียงยาที่ปรุงหรือผสมจากกัญชาเท่านั้น ไม่ได้ระบุถึงต้นกัญชา ทำให้คนไทยยังสามารถนำต้นกัญชามา
ปลูก ซื้อขายและนำมาสูบได้เหมือนเดิม แต่ทั้งนี้รัฐบาลไทยก็นำกฎเสนาบดีเรื่องกัญชามาใช้ไว้ก่อน เพื่อรอตัวกฎหมาย
ควบคุมกัญชาจากที่ประชุมนานาชาติว่าด้วยเรื่องฝิ่นอย่างเป็นทางการ
จนกระทั่งวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2471 พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเทววงศวโรทัย ได้รับโทรเลขจากหม่อมเจ้า
วรรณไวทยากร วรวรรณ (พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์) ผู้แทนประจำสันนิบาตชาติ ว่าทำไมรัฐบาล
ไทยยังไม่ได้ให้สัตยาบันสัญญาว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเทววงศวโรทัย จึงโทรเลขตอบชี้แจงไป
ว่า ทำตามคำแนะนำของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจรูญศักดิ์กฤดากร ที่ให้สงวนข้อกฎหมาย เพื่อรอดูท่าทีของ
ประเทศต่างๆ ไปก่อน ต่อมาวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2471 หม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ ได้โทรเลขมาอีกครั้ง
และได้รายงานสถานการณ์ ในที่ประชุมสันนิบาตชาติว่าเจ้าหน้าที่สันติบาติชาติได้แจ้งว่า ข้อกฎหมายในหนังสือสัญญา
ได้เริ่มใช้แล้วและแนะนำให้ประเทศต่างๆ ที่ลงนามเข้าร่วมการประชุมให้สัตยาบันสัญญาว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ และ
เข้าร่วมเป็นภาคีแห่งสัญญานี้ได้แล้ว ซึ่งประเทศที่เคยขอสงวนไว้ เช่น อินเดีย โปรตุเกส และราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย
ได้ตัดสินใจให้สัตยาบันสัญญาและเข้าร่วมเป็นภาคีแห่งสัญญาเป็นที่เรียบร้อย ทั้งนี้เป็นผลจากคำแนะนำของผู้แทน
ประเทศอังกฤษที่ให้ลองนำกฎหมายจากหนังสือสัญญาไปทดลองใช้ก่อน ซึ่งทางรัฐบาลไทยก็ยังไม่ได้มีคำตอบว่า จะให้
สัตยาบันสัญญาหรือไม่ หม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ จึงทำได้แค่ส่งเรื่องให้คณะกรรมการยาเสพติดทราบว่า
193
รัฐบาลไทยคงจะให้สัตยาบันสัญญาในไม่ช้า
จากที่หม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ ได้ชี้แจงมานี้ กระทรวงการต่างประเทศจึงเห็นว่าถึงเวลาที่รัฐบาล
ไทยต้องพิจารณาสัตยาบันสัญญาว่าด้วยยาเสพติดให้โทษได้แล้ว จึงมีการไปหารือกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง คือ
192 “กฎเสนาบดี เรื่อง กัญชา,” ราชกิจจานุเบกษา 42 (21 กุมภาพันธ์ 2468), หน้า 346.
193 สจช., ม-สบ. 2/28 สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เอกสารส่วนพระองค์ เรื่อง สำเนา หนังสือกระทรวง
ต่างประเทศ เรื่อง ขอพระราชทานสัตยาบันสัญญาว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ (9–20 ธันวาคม 2472), หน้า 10.
78