Page 70 - 23464_Full text
P. 70

69



                   พลังประชารัฐในขั้วพล.อ. ประวิตร ที่น าโดย ร.อ. ธรรมนัส พรมเผ่า เลขาธิการพรรค (ณ ขณะนั้น)
                   ประเมินว่าในการเลือกตั้งครั้งถัดไป พรรคพลังประชารัฐจะได้ที่นั่ง ส.ส. เขตเพิ่มขึ้นอย่างมาก ฉะนั้น

                   ระบบเลือกตั้งบัตรใบเดียวจะท าให้พรรคหมดโอกาสที่จะได้ที่นั่ง ส.ส. บัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นปัญหาแบบ
                   เดียวกับพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งปี 2562 นอกจากนั้น การสนับสนุนระบบเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ
                   ตามรัฐธรรมนูญปี 2540 ยังได้ผลพลอยได้ที่ส าคัญอีกประการหนึ่ง คือ การลดทอนที่นั่งของพรรคก้าวไกล
                   เพราะนักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมในพรรคพลังประชารัฐตระหนักว่า ระบบเลือกตั้งจัดสรร

                   ปันส่วนผสมของนายมีชัยซึ่งออกแบบมาเพื่อลดทอนที่นั่งของพรรคที่เคยครอบง าการเมืองไทยอยู่
                   แต่เดิมอย่างพรรคเพื่อไทย แต่กลับส่งผลไม่คาดคิด (unintended consequences) คือ ท าให้พรรค
                   การเมืองที่ตั้งขึ้นใหม่อย่างพรรคอนาคตใหม่ที่น าโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ที่นั่งจ านวนมากจน
                   กลายเป็นพรรคอันดับ 3 ในเวลาเพียง 1 ปีหลังจัดตั้งพรรค เนื่องจากระบบเลือกตั้งบัตรใบเดียวนั้น ท า

                   ให้คะแนนเสียง “ตกน้ า” ของพรรคน้องใหม่อย่างอนาคตใหม่ที่ส่วนใหญ่มิได้ชนะในเขตเลือกตั้ง แต่ได้
                   คะแนนกระจายอยู่ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ กลายเป็นพรรคที่ได้จัดสรรที่นั่งระบบบัญชีรายชื่อมาก
                   ที่สุดในบรรดาพรรคการเมืองทั้งหมด ฉะนั้น ในมุมมองของแกนน าพรรคพลังประชารัฐ วิธีที่จะท าให้
                   พรรคก้าวไกล (ซึ่งเป็นพรรคที่ต่อเนื่องจากพรรคอนาคตใหม่) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองหัวก้าวหน้า

                   ที่มุ่งเปลี่ยนโครงสร้างอ านาจของการเมืองไทยและปฏิรูปรื้อถอนอ านาจของกองทัพเป็นพรรคที่มี
                   ขนาดเล็กลง ก็ต้องเปลี่ยนกลับไปใช้ระบบเลือกตั้งแบบรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งคาดว่าจะท าให้พรรค
                                                                                             68
                   ก้าวไกลเหลือที่นั่งเพียงแค่ 30-40 ที่นั่ง จนไม่สามารถเป็นตัวแสดงส าคัญทางการเมืองได้อีก
                          ฉะนั้นจึงพบว่าในช่วงที่การมีถกเถียงแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อพรรคการเมืองขนาดเล็กหลาย
                   พรรคและประชาชนบางส่วนไม่เห็นด้วยกับการหันกลับไปใช้ระบบเลือกตั้งแบบรัฐธรรมนูญปี 2540

                   เพราะเสี่ยงที่จะท าให้มีพรรคการเมืองใหญ่พรรคเดียวครอบง ารัฐสภา หรือปรากฏการณ์ที่อดีตแกนน า
                   มวลชนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลไทยรักไทยสมัยปี 2548-2549 เรียกว่า “เผด็จการรัฐสภา” กลับมี
                   ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจคือ แกนน าพรรคพลังประชารัฐออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาเรื่องเผด็จการ

                   รัฐสภาดังกล่าว นายไพบูลย์ นิติตะวัน แกนน าคนส าคัญของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเคยต่อต้านรัฐบาล
                   ไทยรักไทยที่น าโดยนายทักษิณ ชินวัตร ในช่วงความขัดแย้งเสื้อสี ออกมาผลิตค าอธิบายปกป้องระบบ
                   เลือกตั้งบัตร 2 ใบแบบเสียงข้างมากที่เคยใช้ในช่วงการเลือกตั้งปี 2544-2554 ว่า



                             ในแง่ของข้อเสีย ถ้าเกิดมีการเลือกตั้ง แล้วมีพรรคใดได้เสียงมากจนเกินกึ่งหนึ่ง
                             อาจถูกเรียกว่าเป็นเผด็จการ บางคนมองว่าเป็นระบบที่ท าให้ความนิยมมากขึ้น

                             จนเกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งถ้าเกินกึ่งหนึ่งจริง แสดงว่าประชาชนตัดสินอย่างนั้น ผมก็ถาม
                             กลับว่าแต่ละเสียงก็มาจากประชาชน เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงประชาชนไม่ใช่เหรอ
                                                                               69
                             ถ้าเราเคารพระบบประชาธิปไตยจริง เราก็ต้องยอมรับตามนั้น




                   68  “เกมหาร 500 "ประยุทธ์" หักพี่ใหญ่ ปิดทางดีลข้ามขั้ว,” คมชัดลึก, 6 ก.ค. 2565; “‘บัตร 2 ใบ’ พรรคใหญ่สม
                   ประโยชน์ โดดเดี่ยว ‘ก้าวไกล-ภูมิใจไทย’,” กรุงเทพธุรกิจ, 16 มิ.ย. 2564; “พปชร. ปักธงเลือกตั้งบัตร 2 ใบ
                   หวั่นซ้ ารอยเพื่อไทยไร้ปาร์ตี้ลิสต์,” ประชาชาติธุรกิจ, 14 เม.ย. 2564.
                   69  “ใครได้ประโยชน์จากการแก้ระบบเลือกตั้ง ‘พรรคการเมือง’ หรือ ‘ประชาชน’?” ไทยรัฐ, 26 ส.ค. 2564
                   https://plus.thairath.co.th/topic/speak/100353.
   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74   75