Page 78 - 22385_Fulltext
P. 78

การศึกษาการบังคับใช้                     การศึกษาการบังคับใช้
 พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย   พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย



 พิจารณาด้วยเหตุผลที่หลากหลาย กล่าวคือ ผู้ร้องไม่ประสงค์ดำเนินการต่อ   4) ยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อพิจารณายื่นเรื่องต่อ
 การยื่นคำร้องไม่ถูกต้องตามระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ว่าด้วย  ศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 1 เรื่อง

 หลักเกณฑ์ และวิธีการในการยื่นคำร้อง การพิจารณา และการวินิจฉัย    5) วินิจฉัยว่ามีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ
 การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ พ.ศ. 2559 เช่น ไม่ลง  29 เรื่อง โดยในจำนวนนี้มีเพียง 1 เรื่อง ที่คณะกรรมการ วลพ. ไม่มีคำสั่ง

 ลายมือชื่อผู้ร้องหรือไม่ทราบชื่อผู้ถูกร้อง รวมทั้งประเด็นที่ร้องไม่ใช่    อื่นใดเพิ่มเติมเนื่องจากเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติได้รับการแก้ไขแล้ว
 การเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ เป็นต้น
                     คณะกรรมการ วลพ. ไม่มีคำสั่งแต่มีข้อเสนอแนะแก่ผู้ถูกร้องให้ดำเนินการ
 ในส่วนของคำร้องที่คณะกรรมการ วลพ. รับไว้พิจารณาจำนวน     ที่ไม่ขัดหรือแย้งกับ พ.ร.บ. ความเท่าเทียมฯ จำนวน 2 เรื่อง มีคำสั่งให้

 50 เรื่องนั้น ปัจจุบันมีคำวินิจฉัยไปแล้วจำนวน 41 เรื่อง มีการถอนคำร้อง  ผู้ถูกร้องขอโทษผู้ร้องจำนวน 1 เรื่อง มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องจัดทำบันทึกสรุป
 ออกไปในระหว่างการพิจารณา 5 เรื่อง ปัจจุบันจึงมีเพียง 4 เรื่องเท่านั้น   บทเรียนการเลือกปฏิบัติที่เป็นเหตุให้ถูกร้องจำนวน 1 เรื่อง มีคำสั่ง
 ที่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเพื่อหาข้อเท็จจริง ทั้งนี้ คำร้องที่คณะกรรมการ   ยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อพิจารณายื่นเรื่องต่อศาลปกครอง
 วลพ. มีคำวินิจฉัยไปแล้วสามารถจำแนกผลของคำวินิจฉัยออกได้ 5 กลุ่ม   จำนวน 1 เรื่อง นอกนั้นอีก 23 เรื่อง คณะกรรมการ วลพ. กำหนด

 ดังนี้              มาตรการคุ้มครองสิทธิให้กับผู้ร้องอย่างการให้ผู้ร้องมีสิทธิได้รับเงินชดเชย
                     เยียวยาจากกองทุนฯ และอื่น ๆ
 1) ยกคำร้อง กล่าวคือ ไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม
 ระหว่างเพศ จำนวน 5 เรื่อง   สำหรับประเด็นที่มีการร้องเรียนนั้น แม้จะมีหลากหลายเรื่อง

                     แต่ประเด็นที่ถูกร้องเรียนมากที่สุด คือ กรณีที่สถาบันการศึกษาห้ามแต่งกาย
 2) จำหน่ายออกจากสารบบคำร้อง จำนวน 2 เรื่อง เนื่องจาก
 ยื่นคำร้องเข้ามาก่อนวันที่ พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ มีผลใช้บังคับ    และไว้ทรงผมตามเพศสภาพในการเข้าเรียน การสอบวัดผล การฝึกปฏิบัติงาน
                     และแต่งกายชุดครุยวิทยฐานะเพื่อเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร
 3) ยุติการรับคำร้องไว้พิจารณาจำนวน 5 เรื่อง เนื่องจาก    รวมทั้งไม่ให้ใช้รูปถ่ายชุดครุยวิทยฐานะในเอกสารรับรองการศึกษาหรือ
 ในระหว่างพิจารณาคำร้องนั้น ผู้ร้องใช้สิทธิฟ้องคดีต่อศาล ซึ่งศาลรับ    เอกสารขอจบการศึกษา ตลอดจนกำหนดเงื่อนไขให้ใช้ใบรับรองแพทย์
 คำฟ้องไว้พิจารณา จึงต้องห้ามตามมาตรา 18 พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ   ประกอบการยื่นคำร้องขอแต่งกายชุดครุยวิทยฐานะตามเพศสภาพ

 ประกอบกับข้อ 5 ระเบียบกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ว่าด้วยหลักเกณฑ์   ซึ่งรวมแล้วมีจำนวนถึง 20 เรื่องด้วยกัน หรือคิดเป็นร้อยละ 33.33 ของ
 และวิธีการในการยื่นคำร้องการพิจารณา และการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติ  คำร้องทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าสอดคล้องกับเพศของผู้ร้องเรียนด้วยเพราะ
 โดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ พ.ศ. 2559 ทั้งนี้ เป็นการฟ้องศาลปกครอง   ในจำนวนคำร้องทั้งหมด 60 เรื่องนี้เป็นคำร้องของผู้ร้องที่เป็นผู้แสดงออก

 1 เรื่อง และศาลแรงงานภาคสอง 4 เรื่อง   แตกต่างจากเพศโดยกำเนิดถึง 43 เรื่องหรือคิดเป็นร้อยละ 71.66



 62  สถาบันพระปกเกล้า                                             สถาบันพระปกเกล้า
   73   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83