Page 72 - 22385_Fulltext
P. 72

การศึกษาการบังคับใช้                     การศึกษาการบังคับใช้
 พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย   พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย



 ไปในทิศทางเดียวกับหลักความเสมอภาคและหลักสิทธิมนุษยชนสากล    และการใช้การตีความที่คุ้มครอง ครอบคลุมกลุ่มผู้มีความหลากหลาย
 ซึ่งกำลังเป็นกระแสสำคัญของโลก ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ  ทางเพศด้วย จึงย่อมทำให้กฎหมายฉบับนี้สอดรับกับแนวคิดและหลักการ

 รัฐไทยในการทำกฎหมายภายในให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยการขจัด    ดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ข้อ 2 แห่งหลักการยอกยาการ์ตา กำหนดว่า “มนุษย์
 การเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (CEDAW) ซึ่งไทยเป็นภาคีตั้งแต่    ทุกคนสมควรได้รับความคุ้มครองสิทธิมนุษยชนอย่างสมบูรณ์ โดยไม่ถูก

 ปี พ.ศ. 2528 ด้วย โดยอนุสัญญาดังกล่าวกำหนดให้รัฐที่ให้สัตยาบันแล้ว  เลือกปฏิบัติจากสาเหตุแห่งวิถีทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศ มนุษย์ทุกคน
 มีหน้าที่พิทักษ์และธำรงความเสมอภาคระหว่างเพศในกฎหมายภายใน  ควรได้รับความคุ้มครองอย่างเสมอหน้ากันต่อหน้ากฎหมาย โดยปราศจาก
 ของตน ด้วยการจัดทำกฎหมายเพื่อป้องกันการเลือกปฏิบัติต่อสตรี     การเลือกปฏิบัติดังกล่าว ไม่ว่าสิทธิมนุษยชนข้ออื่นใดจะถูกละเมิดด้วย
 รวมทั้งจัดให้มีองค์กรหรือสถาบันสาธารณะเพื่อป้องกันการเลือกปฏิบัติ    หรือไม่ก็ตาม กฎหมายต้องบัญญัติห้ามการเลือกปฏิบัติดังกล่าว และ

 ต่อสตรี และดำเนินการเพื่อขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ   รับประกันความคุ้มครองจากการเลือกปฏิบัติดังกล่าวอย่างได้ผลและ
 กฎหมายฉบับนี้ยังสอดคล้องกับ “เป้าหมายที่ 5 ว่าด้วยการบรรลุความ  เสมอภาคต่อมนุษย์ทุกคน” 40

 เท่าเทียมระหว่างเพศและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่สตรีและเด็กหญิง”     อย่างไรก็ตาม จากการสัมภาษณ์ความเห็นต่อประเด็น
 อันเป็นหนึ่งใน 17 เป้าหมายของ “เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน”   ความสอดคล้องกับหลักสากลและพันธกรณีระหว่างประเทศนี้
 (Sustainable Development Goal – SDGs) ของโลกในอีก 15 ปี    ผู้ให้สัมภาษณ์ทุกกลุ่มโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีโอกาสได้ศึกษา หรือทำงาน
 ข้างหน้า ซึ่งประชาคมโลกใช้เป็นทิศทางในการพัฒนาประเทศตั้งแต่เดือน  ร่วมกับองค์การระหว่างประเทศ หรือร่วมประชุมสัมมนาในเวทีระดับ

 กันยายน 2558 ถึงเดือนสิงหาคม 2573 ด้วย
                     นานาชาติ ต่างตั้งข้อสังเกตและค่อนข้างเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า
   นอกจากนี้ แม้จุดเริ่มต้นของแนวคิดหรือในวาระแรกของ    แม้ พ.ร.บ. ความเท่าเทียมฯ จะมีจุดเริ่มต้นและแนวคิดมาจากอนุสัญญา
 การผลักดันให้เกิดกฎหมายในเรื่องนี้จะยังไม่มีการกล่าวถึง “แนวทาง  CEDAW ก็ตาม แต่เมื่อกฎหมายฉบับนี้ผ่านออกมาและมีผลใช้บังคับ
 ปฏิบัติตามหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศว่าด้วยเรื่อง    กลับปรากฎว่าเนื้อหาของกฎหมายก็ดี การใช้การตีความก็ดี รวมทั้ง

 วิถีทางเพศ และอัตลักษณ์ทางเพศ” หรือหลักการยอกยาการ์ตา     ทัศนคติ ความรู้ความเข้าใจในเจตนารมณ์ของกฎหมายของฝ่ายผู้บังคับใช้
 39
 (The Yogyakarta Principle)  แต่ในท้ายที่สุดแล้วทั้งตัวบทบัญญัติเอง    ยังค่อนข้างแตกต่างและห่างไกลจากหลักการที่ถูกต้อง และมาตรฐานสากล

    39   The Yogyakarta Principle คือ แนวทางปฏิบัติในทางระหว่างประเทศ
 ฉบับแรกที่นำมาตรฐานสิทธิมนุษยชนมาใช้กับประเด็นเพศวิถี และอัตลักษณ์ทางเพศ      40   สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, หลักการยอกยาการ์ตา
 โดยมีข้อแนะนำให้แก่รัฐในการปฏิบัติการเพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของพลเมือง  ว่าด้วยการใช้กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ในประเด็นวิถีทางเพศ
 ไว้อย่างชัดเจน เป็นหลักการที่เป็นผลมาจากการประชุมผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนและ   และอัตลักษณ์ทางเพศ แนวทางสร้างหลักประกันคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ให้ก้าวไปสู่
 นักกฎหมายระหว่างประเทศ ณ ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 6-9 พฤศจิกายน 2549      ความเสมอภาคและเคารพสิทธิทางเพศ, กรุงเทพฯ: บริษัทพิมพ์ดี จำกัด


 56  สถาบันพระปกเกล้า                                             สถาบันพระปกเกล้า   57
   67   68   69   70   71   72   73   74   75   76   77