Page 59 - 22385_Fulltext
P. 59
การศึกษาการบังคับใช้ การศึกษาการบังคับใช้
พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
ความเปลี่ยนแปลงได้ในระดับหนึ่ง ทำให้หลายภาคส่วนมีความระมัดระวัง บุคคลที่มีความแตกต่างทางเพศของวุฒิสภา เป็นต้น การเกิดขึ้นและ
ไม่ให้การกระทำของตนเข้าข่ายเป็นการเลือกปฏิบัติมากขึ้นกว่าเมื่อครั้งยัง การมีอยู่ของกฎหมายฉบับนี้ยังก่อให้เกิดโครงการหลายอย่างที่ช่วย
ไม่มีกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเอกชน บริษัท ห้างร้านซึ่งมี ส่งเสริมความเข้าใจในเรื่องความเสมอภาคทางเพศต่อหน่วยงานภาครัฐ
ความกลัวและไม่อยากทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ นักเคลื่อนไหวและคนทำงาน หลายแห่ง มีการสร้างหลักสูตรนำร่องในการอบรมเรื่องความเสมอภาค
ในภาคประชาสังคมทั้งหมดที่ให้สัมภาษณ์เห็นพ้องต้องกันว่า การมีอยู่ของ ทางเพศให้กับเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งได้ผลค่อนข้างดี ทั้งยังอาจกล่าวได้ว่า
กฎหมายฉบับนี้ทำให้การทำงานขององค์กรง่ายและรวดเร็วขึ้น เนื่องจาก พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการที่สังคมลุกขึ้นมา
แต่เดิมหรือก่อนการบังคับใช้ เมื่อเกิดกรณีการเลือกปฏิบัติ หรือกรณีที่ เรียกร้องความเสมอภาคทางเพศ หรือเรียกร้องการห้ามเลือกปฏิบัติ
ต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชน รวมทั้งการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทที่เกิดขึ้น ในมิติอื่น ๆ ต่อด้วย เช่น กฎหมายรับรองเพศ กฎหมายสมรสเท่าเทียม ฯลฯ
ระหว่างหน่วยงานหรือองค์กรที่เลือกปฏิบัติกับผู้ถูกเลือกปฏิบัติ เครื่องมือ อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตจากทั้งนักวิชาการและภาคประชาสังคม
ที่ภาคประชาสังคมสามารถหยิบยกขึ้นอ้างอิงได้มีเพียงหลักสิทธิมนุษยชน ว่า แม้กฎหมายฉบับนี้จะยังเป็นสิ่งจำเป็น ถือเป็นกฎหมายที่มีเจตนารมณ์
หรือหลักความเสมอภาคเท่านั้น ซึ่งคนจำนวนมากยังไม่เข้าใจและเห็นว่า ที่ดีในการสร้างความเสมอภาคระหว่างเพศและลดการเลือกปฏิบัติ
เป็นเรื่องไกลตัว จับต้องไม่ได้ แต่เมื่อมีกฎหมายแล้วผู้ทำงานสามารถ ด้วยเหตุแห่งเพศ ทั้งปัจจุบันยังเป็นกฎหมายเพียงฉบับเดียวในระดับ
หยิบยกกฎหมายขึ้นกล่าวอ้างได้ทันที ฝ่ายผู้เลือกปฏิบัติเองก็เกิดความชัดเจน พระราชบัญญัติที่กล่าวถึงความเท่าเทียมทางเพศและรับรองสิทธิในการ
และรับรู้ได้ว่าการกระทำของตนเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แสดงออกของบุคคลซึ่งอาจแตกต่างจากเพศกำเนิด แต่ยังมีบทบัญญัติ
จึงทำให้การทำงานด้านนี้มีความง่าย คล่องตัว และรวดเร็วขึ้น
หลายมาตราในกฎหมายที่ควรได้รับการปรับปรุงแก้ไขให้ชัดเจนและ
นอกจากนี้ การที่กฎหมายนี้สร้างกลไกเฉพาะ (ในที่นี้หมายถึง สอดคล้องกับหลักสากลมากขึ้น (จะได้กล่าวถึงต่อไปโดยละเอียดข้างหน้า)
คณะกรรมการ วลพ.) ในการรับเรื่องร้องเรียนกรณีที่อาจมีการเลือกปฏิบัติ และลำพังกฎหมายฉบับนี้เพียงฉบับเดียวคงไม่สามารถทำให้เจตนารมณ์
ย่อมทำให้ประชาชนที่ถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศมีช่องทางร้องขอ ในการสร้างสังคมแห่งความเสมอภาคบรรลุได้ในสังคมไทย
ความเป็นธรรมเพิ่มขึ้น ซึ่งเข้าถึงง่ายกว่า และมีกระบวนการยุ่งยาก
ซับซ้อนน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการฟ้องคดีต่อศาล ทั้งคณะกรรมการ 5. ประโยชน์ที่ประชาชนได้รับจากการมีกฎหมายฉบับนี้
ผู้ทำการวินิจฉัยก็มีความรู้ความเชี่ยวชาญที่เฉพาะเจาะจงกว่าการร้องเรียน หากพิจารณาจากเจตนารมณ์ ข้อบท และกลไกต่าง ๆ ของ พ.ร.บ.
ไปยังหน่วยงานหรือองค์กรอื่น ที่แม้จะดูแลเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน ความเท่าเทียมฯ อาจกล่าวในเบื้องต้นได้ว่ากฎหมายฉบับนี้พอจะมีจุดแข็ง
เหมือนกันแต่ก็มักมีอำนาจหน้าที่และภารกิจที่ต้องรับผิดชอบในขอบเขต และสามารถสร้างประโยชน์ให้กับทั้งประชาชนและสังคมไทยโดยรวม
ที่กว้างขวางและไม่เฉพาะเจาะจงในเรื่องนี้เท่านั้น อาทิ คณะกรรมการ ได้บางประการ ดังนี้
สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือกรรมาธิการกิจการสตรีเด็กและเยาวชน
สถาบันพระปกเกล้า สถาบันพระปกเกล้า 45