Page 135 - 22385_Fulltext
P. 135
การศึกษาการบังคับใช้ การศึกษาการบังคับใช้
พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
คณะกรรมการเพศชายบางคนยังตั้งคำถามว่า กฎหมายฉบับนี้คุ้มครองสิทธิ 5. ข้อเสนอแนะเพื่อการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย
ของเพศชายบ้างหรือไม่ แสดงให้เห็นว่าคนที่มานั่งทำหน้าที่บางคนยังไม่ทราบ จากการศึกษาทั้งข้อมูลการบังคับใช้กฎหมาย สถิติ สถานการณ์ที่เกิด
ด้วยซ้ำว่าเจตนารมณ์ของกฎหมายฉบับนี้คืออะไร กฎหมายฉบับนี้จะมี ขึ้นภายหลังบังคับใช้กฎหมายมากว่า 5 ปี อุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ รวมทั้ง
ความสำคัญในสายตาของรัฐอยู่บ้างก็ในฐานะ “เครื่องมือ” หรือ ข้อคิดเห็นที่ได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึกบุคคลที่เกี่ยวข้อง ผู้ศึกษาเห็นพ้อง
“ผ้าคลุมหน้า อาภรณ์คลุมกาย” เพื่อให้เพื่อนบ้านและนานาประเทศเชื่อว่า ด้วยกับผู้ให้สัมภาษณ์ทุกคนในทุก ๆ กลุ่มว่า พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ ยังคง
ประเทศไทยก้าวหน้า หรือหลงคิดว่าสังคมไทยมีความเสมอภาคเท่าเทียมกันแล้ว เป็นสิ่งจำเป็นในการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยไปสู่สังคมแห่งความเสมอภาค
สิ่งเหล่านี้ถูกสะท้อนออกมา ทั้งในแง่ของความไม่จริงจังต่อการผลักดัน เท่าเทียมระหว่างเพศ จำเป็นในที่นี้ ทั้งในแง่ของการใช้เป็นเครื่องมือที่เป็น
นโยบายและแก้ไขปัญหาในระดับโครงสร้าง ไม่เคร่งครัดกับการนำหลักการ รูปธรรมที่สุดเพื่ออ้างอิงหรือยืนยันว่าการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศนั้น
ไปปฏิบัติใช้ในหน่วยงานจริง ๆ แต่ใส่ใจอย่างยิ่งกับการประกาศเจตนารมณ์ เป็นสิ่งต้องห้าม ในแง่ของการเยียวยาความเสียหายให้กับเหยื่อผู้ถูกเลือก
และการลงนามในเอกสาร พยายามเบียดขับการแก้ไขปัญหาและภาระงาน ปฏิบัติ รวมทั้งในแง่ของการเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อการต่อยอดหรือนำไปสู่นโยบาย
ทั้งหมดไปไว้กับการพิจารณาวินิจฉัยคำร้องเรียนว่ามีการเลือกปฏิบัติเป็น กฎหมาย และมาตรการอื่น ๆ ที่ครอบคลุมมิติต่าง ๆ มากขึ้นซึ่งอาจถูก
เรื่อง ๆ เป็นกรณี ๆ ไป ในขณะที่ลักษณะของการเลือกปฏิบัตินั้นยังคงดำรง เรียกร้องจากภาคประชาสังคม หรือถูกผลักดันออกมาจากภาครัฐเอง
อยู่ทั้งในกฎหมาย กฎ ระเบียบ คำสั่ง หรือการกระทำของรัฐเอง ทำให้กรณีที่ อย่างไรก็ตาม เป็นที่รับรู้กันมาตั้งแต่เมื่อเริ่มบังคับใช้แล้วว่ามีบทบัญญัติ
ร้องเรียนเข้ามาตามกลไกของกฎหมายฉบับนี้เป็นปัญหาเดิม ๆ ประเด็นซ้ำ ๆ หลายส่วนใน พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ รวมทั้งอนุบัญญัติที่ยังขาดความชัดเจน
แต่กระทำกับเหยื่อรายใหม่ ๆ เหมือนรัฐกำลังสร้างภารกิจประจำ (Routine ก่อให้เกิดปัญหาการใช้การตีความ หรือไม่สอดคล้องกับหลักการสากล ซึ่งเป็น
Activity) ให้กับคณะกรรมการที่รับผิดชอบ และการทำงานที่หนักหน่วงและ อุปสรรคต่อการบรรลุถึงซึ่งเจตนารมณ์ของกฎหมายได้อย่างแท้จริง ผู้ศึกษา
ไม่มีวันสิ้นสุดให้กับพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แม้ประเด็นความเสมอภาค จึงขอตั้งเป็นข้อสังเกต และเสนอแนะแนวทางเพื่อแก้ไขปรับปรุงข้อบทต่าง ๆ
จะเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่ประเทศไทยกลับมอบให้อยู่ในความรับผิดชอบของ ดังต่อไปนี้
หน่วยงานกระดับกรม ในกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ซึ่งมีภาระกิจและหน้าที่
ที่ต้องรับผิดชอบจำนวนมาก แต่มักได้รับการจัดสรรงบประมาณค่อนข้างน้อย อนึ่ง ควรต้องกล่าวด้วยว่า แนวทางเหล่านี้ (ทั้งในส่วนที่เป็นข้อกฎหมาย
เมื่อเปรียบเทียบกับงบประมาณของกระทรวงอื่น ๆ เหล่านี้ยังมิได้กล่าว และการบังคับใช้) ส่วนใหญ่เป็นข้อเสนอที่หลายภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ด้วยว่า ปัญหาของตัวบทบัญญัติแห่งกฎหมายเองซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ ภาคประชาสังคม นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรีและผู้มีความหลายหลาก
ตลอดระยะเวลากว่าห้าปีจากทั้งภาคประชาสังคมในไทย และองค์การ ทางเพศต่างเพียรพยายามผลักดันกันมาเนิ่นนานแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับ
ระหว่างประเทศ แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบสนองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การตอบสนองใด ๆ และจากการศึกษาครั้งนี้ ผู้ศึกษามีข้อค้นพบด้วยว่า
อย่างแท้จริง และไม่มีการแก้ไขปรับปรุงให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ในฟากฝ่ายของผู้บังคับใช้กฎหมายเอง ทั้งในระดับของคณะกรรมการ และ
พนักงานเจ้าหน้าที่ก็ล้วนมองเห็นอุปสรรคและปัญหาในการบังคับใช้กฎหมาย
120 สถาบันพระปกเกล้า สถาบันพระปกเกล้า 121