Page 133 - 22385_Fulltext
P. 133
การศึกษาการบังคับใช้ การศึกษาการบังคับใช้
พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
4. ความคุ้มค่าหรือได้สัดส่วนเมื่อเทียบระหว่างประโยชน์ เราก็ควรต้องเข้าใจด้วยว่าสังคมที่พลเมืองยังแบ่งแยกและกดทับสิทธิเสรีภาพ
ที่ได้รับกับภาระของประชาชน และทรัพยากรที่ใช้ใน ระหว่างกันเอง หรือยังปฏิบัติต่อกันอย่างไม่เท่าเทียมเพียงเพราะเหตุแห่ง
การบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย การมีเพศสภาพ วิถีทางเพศ หรืออัตลักษณ์ทางเพศที่แตกต่างจากตนนั้น
ไม่ใช่บรรยากาศหรือระบบที่เอื้อต่อการที่ผู้คนจะสามารถพัฒนาศักยภาพของ
เมื่อเปรียบเทียบระหว่างประโยชน์ที่ประชาชนและสังคมได้รับหรือ
จะได้รับกับภาระของประชาชนตามกฎหมายฉบับนี้ ประกอบกับต้นทุน ตัวเองได้อย่างเต็มที่ และนำไปสู่สังคมที่มีคุณภาพได้ ปัญหาความไม่เสมอภาค
ของรัฐและทรัพยากรต่าง ๆ ที่ใช้ไปเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย เท่าเทียมระหว่างเพศ จึงไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ เฉพาะของผู้หญิงคนใด เฉพาะ
ผู้ศึกษาเห็นว่า การบังคับใช้ พ.ร.บ. ความเท่าเทียมฯ มีความคุ้มค่าแต่ยัง ของผู้ชายคนหนึ่ง หรือเฉพาะของผู้มีความหลากหลายทางเพศเท่านั้น แต่เป็น
ไม่ได้สัดส่วน ปัญหาของทุกคน เป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ เป็นปัญหาสำคัญในการพัฒนา
ประเทศ ดังนั้น การทำเรื่องนี้ให้เป็นจริง การสร้างสังคมที่ประชาชนมองคน
เหตุผลที่มีความคุ้มค่า เนื่องจากเป้าหมายของกฎหมายฉบับนี้ ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่มีใครต้องหวาดระแวงจากการถูกทำละเมิด หรือ
คือ การทำให้บุคคลทุกเพศวัยไม่ว่าจะเป็นเพศหญิง เพศชาย หรือผู้มี ต้องคอยหวาดกลัวจากการถูกเอารัดเอาเปรียบและเลือกปฏิบัติ แม้ต้อง
ความหลากหลายทางเพศ (LGBTQI) สามารถดำรงสถานะของตนอยู่ในสังคมไทย แลกมาด้วยงบประมาณมหาศาล บุคลากรจำนวนมาก อาจต้องลงทุนตั้ง
ได้อย่างเท่าเทียมเสมอหน้าและมีโอกาสเหมือนกัน ซึ่งนอกจากจะเป็น หน่วยงานเฉพาะด้าน คิดค้นกระบวนการสร้างความเชี่ยวชาญแก่พนักงาน
เรื่องที่ค่อนข้างใหม่ในสังคมไทยและจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการทำ เจ้าหน้าที่ หรือต้องใช้ระยะเวลาอีกยาวนานเพียงใด สำหรับประชาชนและรัฐ
ความเข้าใจแล้ว ยังถือเป็นเรื่องยากลำบากที่จะทำให้เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง ที่เป็นประชาธิปไตยแล้ว ผู้ศึกษาก็เห็นว่ายังเป็นเรื่องคุ้มค่าอยู่ดี และการมีอยู่
ในสังคมของทุก ๆ ประเทศ ไม่เพียงแต่การต้องมีกฎหมาย ให้งบประมาณ และบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ยังเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
หรือสร้างกลไกที่มีประสิทธิภาพเท่านั้น หากแต่รัฐต้องต่อสู้กับทัศนคติ
มายาคติ และวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ที่ถูกปลูกฝังอยู่ในหมู่ประชาชนด้วย สาเหตุที่ไม่ได้สัดส่วน เพราะตลอดระยะเวลากว่าห้าปีที่ผ่านมา
รัฐต้องมีมาตรการ หรือหาวิธีในการปรับเปลี่ยนทัศนคติความเชื่อเหล่านั้น ผู้ศึกษาพบว่า รัฐไทยและผู้ใช้อำนาจปกครองยังให้ความสำคัญ และลงทุนกับ
ทำอย่างไรให้ประชาชนยอมรับและเห็นความสำคัญของความเสมอภาค การสร้างสังคมแห่งความเท่าเทียมและปราศจากการเลือกปฏิบัติน้อยเกินไป
เท่าเทียม รวมทั้งมองเห็นความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันระหว่างความเสมอภาค จนแทบไม่เกิดมรรคผลหรือความเปลี่ยนแปลงใด ๆ อย่างมีนัยสำคัญเลย
กับการพัฒนาประเทศ หรือผลลัพธ์สุดท้ายจะนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วบรรดารัฐประชาธิปไตยต่างจัดอันดับให้ประเด็น
ของผู้คนโดยรวมได้อย่างไร หากเรายอมรับดั่งเช่นนานาอารยะประเทศว่า ความเสมอภาคระหว่างเพศและการไม่เลือกปฏิบัติเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาศักยภาพในด้านต่าง ๆ ของพลเมือง ดูเหมือนว่า ผู้มีอำนาจในระดับบริหารประเทศ หน่วยงานผู้รับผิดชอบ
คือสิ่งสำคัญสูงสุดของการพัฒนาและการขับเคลื่อนประเทศให้เจริญก้าวหน้า ในการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ ยังมองว่า พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ เป็นเพียง
กฎหมายที่ใช้เพื่อแก้ปัญหาความคับข้องใจให้กับคนบางกลุ่มบางเพศเท่านั้น
118 สถาบันพระปกเกล้า สถาบันพระปกเกล้า