Page 132 - 22385_Fulltext
P. 132
การศึกษาการบังคับใช้ การศึกษาการบังคับใช้
พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
หน่วยงานกองทุนฯ ได้อนุมัติโครงการไปทั้งสิ้นจำนวน 20 โครงการ เป็นเงิน กลุ่มชายรักชาย หรือหญิงรักหญิงที่ยังคงแสดงออกเหมือนเพศกำเนิด
1,388,515 บาท สำหรับงบประมาณและต้นทุนในการทำงานส่วนอื่น ๆ อาจไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายฉบับนี้
อย่างการจัดประชุมเพื่อพิจารณาคำร้องโดยคณะกรรมการ วลพ. การลงพื้นที่ 3.4.2 ด้วยข้อยกเว้นตามมาตรา 17 วรรคสอง “...การปฏิบัติตาม
โดยพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อแสวงหาพยานหลักฐาน การรับเรื่องร้องเรียนทั้งใน หลักการทางศาสนา หรือเพื่อความมั่นคงของประเทศ ย่อมไม่ถือเป็น
กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ฯลฯ ใช้งบประมาณรวมของกรมกิจการสตรีฯ 62
การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ” ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้บุคคล
3.4 ผลที่ไม่ได้คาดคิด หรือไม่พึงประสงค์จากการบังคับใช้ สามารถอ้างหลักการทางศาสนา หรือความมั่นคงของประเทศ
กฎหมาย เพื่อเลือกปฏิบัติต่อบุคคลอื่นได้ ในขณะที่มีข้อเท็จจริงจำนวนมากว่าข้ออ้าง
เรื่องหลักศาสนาก็ดี เรื่องความมั่นคงของประเทศก็ดี มักเป็นต้นตอหรือ
จากการศึกษา ไม่มีข้อเท็จจริงใดที่ชี้ว่า โดยตัวการปฏิบัติตามและ
บังคับการให้เป็นไปตามกฎหมายฉบับนี้เองก่อให้เกิดผลอันไม่พึงประสงค์ บ่อเกิดของการเลือกปฏิบัติจำนวนมาก อาจส่งผลให้กฎหมายฉบับนี้กลายเป็น
หรือที่ไม่ได้คาดคิดใด ๆ ขึ้น ผลจากการใช้การตีความกฎหมายที่ในท้ายที่สุด กฎหมายรับรองหรือสร้างความชอบธรรมให้กับการเลือกปฏิบัติจำนวนมาก
อาจเป็นการตัดหรือจำกัดสิทธิของประชาชนอยู่บ้างก็เป็นผลที่คาดหมาย นั้นเสียเอง
ได้อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นเรื่องของการใช้ดุลพินิจโดยผู้บังคับใช้กฎหมาย อาทิ 3.4.3 ด้วยเงื่อนไขการยื่นคำร้องตามมาตรา 18 ที่กำหนดว่า
การตีความโดยคณะกรรมการ วลพ. ว่าเรื่องที่ยื่นคำร้องเข้ามาไม่เข้าข่าย “ผู้ได้รับหรือจะได้รับความเสียหาย” จากการถูกเลือกปฏิบัติโดยตรงเท่านั้น
เป็นการเลือกปฏิบัติตามนิยามที่กำหนดไว้ในกฎหมายฉบับนี้ เป็นต้น อย่างไร มีสิทธิยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ วลพ. โดยไม่คำนึงถึงปัญหาเชิงอำนาจ
ก็ตาม ผลอันไม่พึงประสงค์บางประการที่เกิดจากตัวบทบัญญัติของ พ.ร.บ. และความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้เลือกปฏิบัติและผู้ถูกเลือกปฏิบัติอย่างเพียงพอ
ความเท่าเทียมฯ เอง ซึ่งสืบเนื่องมาจากการขาดความรู้ความเข้าใจอย่างเพียง อาจส่งผลให้ผู้ร้องเรียนกรณีนี้ ซึ่งมักอยู่ในระดับล่างของความสัมพันธ์
พอในประเด็นความเสมอภาคและการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศของรัฐ เชิงอำนาจ แต่ต้องแสดงตนเป็นคู่ขัดแย้งกับฝ่ายผู้ถูกร้องที่มักอยู่ในสถานภาพ
ผู้บัญญัติ ปรากฏตัวมานานแล้ว ดังนี้ เหนือกว่า ได้รับความเสียหายยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการถูกปฏิบัติที่ไม่
เป็นธรรมมากขึ้นระหว่างรอคำวินิจฉัย ต้องทนทำงานในสภาวะแวดล้อม
3.4.1 ด้วยข้อความ “มีการแสดงออกที่แตกต่างจากเพศโดย
กำเนิด” ในบทนิยามของคำว่า “การเลือกปฏิบัติอันไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ” ที่กดดันยิ่งขึ้น ไปจนถึงการถูกไล่ออกจากงานด้วยข้ออ้างเรื่องอื่นที่ซับซ้อนขึ้น
อาจยังผลทำให้บุคคลที่แม้จะมีการแสดงออกที่ไม่แตกต่างจากเพศกำเนิด เป็นต้น จนส่งผลสืบเนื่องต่อไปว่าบุคคลที่ตกเป็นเหยื่อของการถูกเลือกปฏิบัติ
แต่มีวิถีทางเพศหรืออัตลักษณ์ทางเพศแตกต่างจากเพศกำเนิดอย่าง ตัดสินใจไม่มาร้องขอความเป็นธรรมตามกฎหมายฉบับนี้
62 สรุปจากรายงานประจำปี กรมกิจการสตรีฯ กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ตั้งแต่
ปี พ.ศ. 2561-2563
สถาบันพระปกเกล้า สถาบันพระปกเกล้า