Page 127 - 22385_Fulltext
P. 127
การศึกษาการบังคับใช้ การศึกษาการบังคับใช้
พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
แนววิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ซึ่งวางหลักว่า 1) ต้องเป็นเรื่องเร่งด่วน มุ่งปราบปรามการกระทำใดการกระทำหนึ่ง ดังนั้น กฎหมายฉบับนี้จึงไม่ก่อ
หากไม่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ย่อมไม่อาจแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้น ให้เกิดภาระหน้าที่แก่ประชาชนในระดับที่น่ากังวลใจ ทั้งนี้ พ.ร.บ.
ได้ในภายหลัง และ 2) เป็นเรื่องที่มีแนวโน้ม หรือน่าจะเข้าข่ายการเลือก ความเท่าเทียมฯ และอนุบัญญัติมีข้อกำหนดให้ประชาชน องค์กร หรือ
ปฏิบัติจริง ดังนั้น หากคณะกรรมการ วลพ. เห็นว่าเรื่องที่ร้องเข้ามาน่าจะเข้าข่าย หน่วยงานมีภาระต้องดำเนินการหากมีบุคคลใช้สิทธิตามกฎหมายฉบับนี้ หรือ
หรือเป็นเรื่องที่ร้องมาในประเด็นเดียวกันกับที่คณะกรรมการ วลพ. เคยมี กรณีเพื่อการปฏิบัติตามและบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ดังต่อไปนี้
คำวินิจฉัยไปแล้วว่าเลือกปฏิบัติ คณะกรรมการ วลพ. ก็จะพิจารณาใช้อำนาจ 1) กฎหมายกำหนดว่าหน่วยงานรัฐ องค์กรเอกชน หรือบุคคล
ตามมาตรา 19 นี้ ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการ วลพ. ใช้อำนาจดังกล่าวแล้ว จะกำหนดนโยบาย กฎ ระเบียบ ประกาศ โครงการ หรือวิธีปฏิบัติใด ๆ
หลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับข้อบังคับของ ในลักษณะที่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศไม่ได้ ทั้งนี้
มหาวิทยาลัยเกี่ยวกับการขอแต่งกายตามเพศสภาพเพื่อเข้ารับปริญญา ตามมาตรา 17 วรรคหนึ่ง ซึ่งอันที่จริงแล้ว ผู้ศึกษาเห็นว่ากรณีนี้อาจถือ
ซึ่งใกล้มาถึง หากคำวินิจฉัยออกไม่ทันข้อบังคับเหล่านี้จะถูกบังคับใช้ต่อไป ไม่ได้ว่าเป็น “ภาระของประชาชน” หากแต่เป็น “หน้าที่พึงกระทำ” ต่อกัน
และถ้าเป็นการเลือกปฏิบัติจริง ผู้ร้องต้องเสียโอกาสเข้ารับปริญญาด้วย แม้ไม่มีกฎหมายฉบับนี้อยู่เลยก็ตาม
เครื่องแต่งกายที่ตนเลือก อย่างไรก็ตามสำหรับกรณีอื่น ๆ ยังไม่เคยมีการใช้
มาตรการลักษณะนี้ เนื่องจากต้องมีพื้นฐานว่าเป็นเรื่องที่น่าจะเข้าข่าย 2) กำหนดว่าหน่วยงานรัฐ องค์กรเอกชน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง
เป็นการเลือกปฏิบัติเสียก่อน ต้องดำเนินการด้วยวิธีใด ๆ ที่เหมาะสม เพื่อระงับและป้องกันมิให้มีการเลือก
ปฏิบัติ ทั้งนี้ตามคำสั่งของคณะกรรมการ วลพ. ซึ่งได้พิจารณาและวินิจฉัย
อนึ่ง ผู้ให้สัมภาษณ์ซึ่งเป็นคณะกรรมการ วลพ. บางคนสะท้อน ตามคำร้องแล้วว่ามีการเลือกปฏิบัติตามมาตรา 20 พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ
ด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในระยะหลังก็คือ นักกฎหมายที่เกี่ยวข้องมักตั้ง ซึ่งผู้ฝ่าฝืนคำสั่งมีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
ข้อสังเกตว่าการใช้อำนาจคุ้มครองชั่วคราวของคณะกรรมการ วลพ. ไม่เป็น หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 34
ธรรมกับฝ่ายผู้ถูกร้อง เพราะเสมือนหนึ่งว่าคณะกรรมการ วลพ. วินิจฉัย
ไปก่อนแล้วว่าเรื่องที่ร้องเรียนนั้นเป็นการเลือกปฏิบัติจริง ส่งผลให้ 3) มาตรา 22 กำหนดให้กรรมการ วลพ. อนุกรรมการ หรือ
คณะกรรมการ วลพ. พยายามลดการใช้อำนาจตามมาตรานี้ลง พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งคณะกรรมการ วลพ. มอบหมาย มีอำนาจเข้าไปใน
เคหสถานหรือสถานที่ใด ๆ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานโดยมีหมายค้นได้
3.3 ภาระของประชาชน และต้นทุนของรัฐที่เกิดจาก (มาตรา 22 (1)) รวมทั้งมีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลมาให้ถ้อยคำ หรือ
การปฏิบัติตามและบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ต้องส่งสิ่งของหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องได้ เช่นนี้ ผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครอง
ด้วยเหตุที่ พ.ร.บ. ความเท่าเทียมฯ มีลักษณะเป็นกฎหมายทางเลือก เคหสถานหรือสถานที่ใด ๆ หรือผู้ที่คณะกรรมการ วลพ. มีหนังสือสอบถาม
ทั้งมีเจตนารมณ์ในเชิงส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มากกว่า หรือเรียกให้ส่งมอบสิ่งของหรือเอกสารใด ๆ จึงมีภาระหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม
112 สถาบันพระปกเกล้า สถาบันพระปกเกล้า
