Page 110 - 22385_Fulltext
P. 110
การศึกษาการบังคับใช้ การศึกษาการบังคับใช้
พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
บรรเทาทุกข์แก่บุคคลซึ่งถูกเลือกปฏิบัติฯ ในระหว่างการพิจารณาหรือไม่ ซึ่งต้องห้ามตามมาตรา 17 ได้ จึงไม่อาจกำหนดองค์ประกอบของกฎหมาย
ก็มีลักษณะเป็นการให้ “ดุลพินิจวินิจฉัย” แก่คณะกรรมการ วลพ. เช่นเดียวกัน ให้ต้องพิจารณาข้อมูลและผลประโยชน์ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้อย่างสมบูรณ์
และเมื่อคณะกรรมการ วลพ. วินิจฉัยตัดสินแล้วว่ามีการเลือกปฏิบัติจริง จำเป็นต้องให้ดุลพินิจแก่คณะกรรมการ วลพ. ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ
มาตรา 20 ได้บัญญัติให้อำนาจ “ดุลพินิจตัดสินใจ” แก่คณะกรรมการ วลพ. เฉพาะด้านในเรื่องดังกล่าวโดยให้มีอำนาจวินิจฉัยเป็นรายกรณี ๆ ไป เพื่อให้
ว่าจะออกคำสั่งเพื่อให้หน่วยงานของรัฐ องค์กรเอกชน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง ชอบด้วยวัตถุประสงค์และนโยบายของ พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ (Prudential
55
ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ด้วยวิธีใด ๆ ที่เห็นเหมาะสม เพื่อระงับและ Discretion) ในขณะที่การกำหนดให้ “ดุลพินิจตัดสินใจ” ไว้ตามมาตรา 20
ป้องกันมิให้มีการเลือกปฏิบัติอีกต่อไป หรือให้มีการชดเชยและเยียวยา และ 22 ย่อมเหมาะสมดีแล้ว เนื่องจากเป็นกรณีที่การบังคับใช้กฎหมาย
ผู้เสียหายหรือไม่ด้วย ทำนองเดียวกันกับมาตรา 22 ที่ให้อำนาจกรรมการ จะทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อประชาชนในกรณีนั้น ๆ ได้ จึงสมควร
อนุกรรมการ วลพ. รวมทั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ที่คณะกรรมการ วลพ. มอบหมาย กำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมีดุลพินิจในการพิจารณาผ่อนผันหรือบังคับใช้
ในการตัดสินใจว่าจะดำเนินการตาม (1) หรือ (2) หรือไม่ บทบัญญัติในกฎหมายได้ตามที่เห็นว่าเหมาะสม (Relaxing Discretion,
Dispensing Power) อนึ่ง การใช้ดุลพินิจต่าง ๆ ตามที่กำหนดให้อำนาจไว้
56
เมื่อนำบทบัญญัติที่ให้อำนาจในการใช้ดุลพินิจดังกล่าว
มาตรวจสอบกับเอกสารบทความเพื่อแนะนำแนวทางเกี่ยวกับการใช้ดุลพินิจ ตามกฎหมายฉบับนี้ ย่อมถูกควบคุม ตรวจสอบได้ตามหลักการทั่วไป ทั้งนี้
54
ของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งออกโดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว โดยฝ่ายตุลาการ ในที่นี้คือศาลปกครองซึ่งเป็นผู้มีบทบาทในการควบคุม
ผู้ศึกษาพบว่า กรณีนี้ฝ่ายนิติบัญญัติสมควรแล้วที่จะต้องกำหนดให้ ให้การใช้อำนาจของฝ่ายปกครองชอบด้วยกฎหมายอันเป็นไปตามหลัก
คณะกรรมการ วลพ. มี “ดุลพินิจวินิจฉัย” ตามมาตรา 18 และ 19 ทั้งนี้ ความชอบด้วยกฎหมายของการกระทำทางปกครอง ดังจะเห็นได้ว่า
เนื่องจากโดยสาระและวัตถุประสงค์ของการพิจารณาคำร้องตามกฎหมาย คณะกรรมการ วลพ. เองก็ถูกหน่วยงานรัฐฟ้องคดีต่อศาลปกครองเพื่อขอให้
ฉบับนี้ คณะกรรมการ วลพ. จำเป็นต้องพิจารณาข้อมูลหลายด้านประกอบกัน เพิกถอนคำวินิจฉัยไปแล้วถึง 4 คดีด้วยกัน โดยปัจจุบันยังอยู่ในระหว่าง
หรือต้องคำนึงถึงประโยชน์ของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง การพิจารณาของศาลปกครอง (ย้อนดูสรุปคำร้องอันเป็นที่มาของการฟ้องคดี
หลายกลุ่ม ทั้งต้องพยายามให้สอดคล้องกับบริบทของสังคม ซึ่งแน่นอนว่า ต่อศาลปกครองในข้อ 2 ของบทนี้)
ฝ่ายนิติบัญญัติย่อมไม่อาจคาดการณ์ถึงรายละเอียดต่าง ๆ ได้ครบถ้วนว่า 3.3 โทษอาญาสำหรับการกระทำความผิด
สถานการณ์ใดบ้างที่จะเข้าข่ายเป็นการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ
พ.ร.บ.ความเท่าเทียมกำหนดโทษอาญาสำหรับการกระทำความผิด
ไว้เพียง 2 กรณีเท่านั้น คือ กรณีแรก เมื่อมีการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ
54 ดู “ความเบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ”, คณะทำงานศึกษา
และยกร่างหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ, สำนักงานคณะกรรมการ
กฤษฎีกา, สืบค้นวันที่ 22 มิถุนายน 2564, เข้าถึงได้ที่ https://lawreform.go.th/ 55 เพิ่งอ้าง, หน้า 6.
uploads/files/1593488899-2md2a-80h4b.pdf 56 เพิ่งอ้าง, หน้า 7.
สถาบันพระปกเกล้า สถาบันพระปกเกล้า 95