Page 112 - 22385_Fulltext
P. 112

การศึกษาการบังคับใช้                     การศึกษาการบังคับใช้
 พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย   พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย



 คณะกรรมการ วลพ. ให้ระงับการเลือกปฏิบัติตามมาตรา 20 (2) ซึ่งมีโทษ      1) การฝ่าฝืนคำสั่งของคณะกรรมการ วลพ. ตามมาตรา 20 (2)
 จำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับตาม  มีลักษณะความผิดคล้ายคลึงกับ มาตรา 196 ประมวลกฎหมายอาญา
 มาตรา 34 และกรณีที่สอง คือ การไม่อำนวยความสะดวก ชี้แจงข้อเท็จจริง   ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งห้ามของศาลซึ่งได้สั่งไว้ในคำพิพากษา
 ตอบหนังสือสอบถาม หรือส่งสิ่งของหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องแก่กรรมการฯ   ตามมาตรา 50 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกิน

 หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติการตามมาตรา 22 ซึ่งมีระวางโทษ    หนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” และ
 จำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับตาม    2) การไม่ปฏิบัติการใด ๆ เพื่ออำนวยข้อเท็จจริงให้กับการดำเนิน

 มาตรา 35
                   กระบวนพิจารณาคำร้องโดยคณะกรรมการ วลพ. ตามมาตรา 22 วรรสอง
   ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาตรวจสอบการกำหนดโทษอาญาทั้งสองกรณี    มีลักษณะความผิดเช่นเดียวหรือคล้ายคลึงกับมาตรา 368 ประมวลกฎหมาย
 ดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ข้อ 3 “คำแนะนำของคณะกรรมการพัฒนา  อาญา ซึ่งบัญญัติว่า

 กฎหมายเรื่อง การกำหนดโทษอาญาในทางกฎหมาย” (ต่อไปจะเรียกว่า       “ผู้ใดทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมาย
 “คำแนะนำการกำหนดโทษอาญาฯ”) ซึ่งบัญญัติว่า
                   ให้ไว้ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร ต้องระวาง
   “ความผิดที่บัญญัติไว้แล้วในประมวลกฎหมายอาญา ภาคความผิด   โทษจำคุกไม่เกินสิบวัน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 หากบทบัญญัติความผิดที่มีโทษอาญาในพระราชบัญญัติใดมีองค์ประกอบ    ถ้าการสั่งเช่นว่านั้น เป็นคำสั่งให้ช่วยทำกิจการในหน้าที่ของ
 ความผิดเหมือนหรือคล้ายคลึงกับความผิดที่กำหนดในภาคความผิดของ  เจ้าพนักงานซึ่งกฎหมายกำหนดให้สั่งให้ช่วยได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน
 ประมวลกฎหมายอาญา มิให้กำหนดโทษอาญาในร่างกฎหมายนั้น เว้นแต่    หนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
 จะมีเหตุผลความจำเป็นพิเศษว่าเป็นกฎหมายเฉพาะจำเป็นต้องมีโทษสูงกว่า    แต่หากพิจารณาลงไปในส่วนของ “องค์ประกอบความผิด”

 หรือมีโทษอุปกรณ์ เช่น เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง   ย่อมพบว่ามีความแตกต่างกัน และบางกรณี ซึ่งในที่นี้หมายถึง การฝ่าฝืน
   อย่างไรก็ดี ในกรณีที่ประสงค์จะกำหนดโทษอาญาที่มีโทษน้อยกว่า  คำสั่งของคณะกรรมการ วลพ. ตามมาตรา 20 (2) ก็ยากที่จะนำบทบัญญัติ

 โดยมิให้นำประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับจะต้องระบุในกฎหมายเฉพาะนั้น   ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 196 มาปรับใช้ได้ เนื่องจากใน
 ให้ชัดเจนว่า มิให้นำโทษสำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาใช้  มาตรา 196 บัญญัติองค์ประกอบความผิดไว้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นการฝ่าฝืน
 บังคับสำหรับการกระทำความผิดตามกฎหมายเฉพาะนั้น”
                   “คำสั่งห้ามของศาลซึ่งได้สั่งไว้ตามมาตรา 50” ดังนั้นเมื่อ พ.ร.บ.

   ผู้ศึกษาพบว่า แม้ความผิดทั้งสองกรณีของ พ.ร.บ. ความเท่าเทียมฯ   ความเท่าเทียมฯ เป็นกฎหมายเฉพาะ ทั้งคณะกรรมการ วลพ. ผู้มีอำนาจ
 จะมีลักษณะความผิดเช่นเดียวหรือคล้ายคลึงกับความผิดที่บัญญัติไว้แล้ว    วินิจฉัยและมีคำสั่งคำร้องตามกฎหมายฉบับนี้ก็ไม่ใช่องค์กรตุลาการ
 ในประมวลกฎหมายอาญาก็ตาม กล่าวคือ    แบบเดียวกันหรือเทียบเท่ากับศาลในกระบวนการยุติธรรม การกำหนดโทษ



     สถาบันพระปกเกล้า                                             สถาบันพระปกเกล้า
   107   108   109   110   111   112   113   114   115   116   117