Page 10 - 22353_Fulltext
P. 10
อันที่จริงหลายที่ในประเทศไทยเล็งเห็นถึงปัญหาซื้อสิทธิขายเสียงและได้พยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ด้วยหลากหลายวิธีการ ยกตัวอย่างเช่น กรณีขององค์การบริหารส่วนตำบลน้ำเกี๋ยน จังหวัดน่าน นับเป็นอีก
หนึ่งกรณีตัวอย่างที่ สามารถแก้ไขปัญหาความแตกแยกของคนในชุมชนกระทั่งอาจนำชุมชนไปสู่การล่มสลาย
ของชุมชนได้สำเร็จ โดยคนในชุมชนยอมรับว่าปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ชุมชนน้ำเกี๋ยนต้องประสบกับปัญหาการ
แตกแยกนี้ก็คือการที่กลุ่มผู้มีอิทธิพลจากภายนอกเข้ามาแทรกแซงในชุมชน กระทั่งนำมาสู่การแข่งขันการแบ่ง
ฝักแบ่งฝ่ายกัน แล้วทำให้ชุมชนขาดความสามัคคีและนำมาสู่ปัญหาทางด้านสังคมและการเมืองหลายประการ
ทว่าโชคดีที่ชาวชุมชนน้ำเกี๋ยนรู้ตัวถึงสัญญาณของการล่มสลายดังกล่าวว่าเป็นผลมาจากการแตกแยกความ
สามัคคีของคนในชุมชน พวกเขาจึงหันหน้ามาคุยกันมากขึ้น โดยอาศัยทุนทางสังคมที่ชุมชนมีอยู่ไม่ว่าจะเป็น
บ้าน วัด โรงเรียน หรือสถานีอนามัย (บ.ว.ร.ส.) เข้าเป็นหลักในการจัดให้มีการพูดคุย เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ
ร่วมกันระหว่างคนในชุมชน ส่งผลให้จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ชาวชุมชนน้ำเกี๋ยน ได้ใช้เวทีชาวบ้านเข้ามาเป็น
กลไกสำคัญเพื่อแก้ไขปัญหาทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นปัญหาใหญ่หรือเล็กเพียงใด การจัดการปัญหาของคนในชุมชน
จะต้องเป็นไปอย่างมีส่วนร่วม โดยอาศัย บ.ว.ร.ส. เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน ที่สำคัญคือการดำเนินการ
ทุกอย่างจะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของชุมชน เพื่อให้คนในชุมชน “กินอิ่ม นอนหลับ ฝันดี” การมีส่วนร่วม
ดังกล่าวได้สร้างสำนึกแห่งความเป็นพลเมืองให้แก่ชาวชุมชนน้ำเกี๋ยนให้งอกงามและเข้มข้นขึ้น ทั้งยังส่งผลให้
พวกเขารู้สึกถึงความเป็นเจ้าของชุมชนและมีพลังในการกำกับผู้นำทางการเมืองอีกด้วย ดังปรากฏว่า เมื่อคนใน
ชุมชนประสบความสำเร็จในการรวมตัวกันจัดการปัญหาการแตกแยกความสามัคคีและสร้างให้ผลประโยชน์
ของชุมชนเป็นเป้าหมายหลักในการดำเนินการพัฒนาทุกอย่าง ภายใต้กระบวนการดังกล่าวได้เพิ่มอำนาจ
ต่อรองทางการเมืองและนำไปสู่การเมืองสมานฉันท์ของคนในชุมชนได้ ดังปรากฏให้เห็นว่าผู้นำท้องถิ่นและ
ผู้นำท้องที่ในเวลาต่อมาจะต้องตระหนักและให้ความสำคัญกับประเด็นปัญหาและความสนใจที่คนในชุมชนตั้ง
ขึ้นมาซึ่งเรียกกันว่าเป็นการ “ส่งไม้ต่อ” จากรุ่นสู่รุ่น
จากข้างต้นเป็นความเข้มแข็งของชุมชน อันสืบเนื่องมาจากการตระหนักรู้ของคนในชุมชนที่สามารถ
เริ่มต้นขจัดปัญหาความขัดแย้งแข่งขันกัน อันเป็นต้นตอของการแตกความสามัคคีของคนในชุมชนการแบ่งฝัก
แบ่งฝ่ายฝ่ายต่างๆซึ่งส่งผลกระทบต่อการพัฒนาและความเป็นอยู่ที่ดีของคนในชุมชนด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม
ในบางครั้ง ชุมชนที่สมานฉันท์ก็จำเป็นต้องมีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มองเห็นถึงความสำคัญของการมุ่งประโยชน์ของ
ชุมชนเป็นหลัก กรณีขององค์การบริหารส่วนตำบลดอนหญ้านาง อำเภอพาชี จังหวัดอยุธยา เป็นอีกกรณีหนึ่งที่
ชี้ให้เห็นถึงการเมืองท้องถิ่นสมานฉันท์ที่เริ่มต้นขับเคลื่อนมาจากอุดมการณ์ของตัวผู้นำท้องถิ่นเอง จากการที่
ผู้นำท้องถิ่นมีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการเมืองท้องถิ่นสมานฉันท์เป็นหลัก นายกสุรกิจ สุวรรณแกม เล่าให้ฟังถึง
ประสบการณ์การขับเคลื่อนงานการเมืองท้องถิ่นสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงว่า สืบเนื่องมาจากความ
ตั้งใจของตนที่จะพัฒนาชุมชนให้มากกว่านี้ จึงได้พยายามแสวงหาการพัฒนาตนเองโดยการเข้าอบรมและ
เรียนรู้กระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนเรื่อยมา กระทั่งมีโอกาสได้เข้าไปทำงานทางการเมือง
9