Page 44 - kpi22237
P. 44

38


                       2.5.6 กรณีศึกษาพรรคการเมืองในไต้หวัน

                       ในการศึกษากระบวนการและวิธีการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองในไต้หวันอย่าง
               พรรคก๊กมินตั๋ง (The Kuomintang, KMT) ในฐานะพรรคการเมืองที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่
               การเคลื่อนไหวเพื่อปฏิวัติประชาธิปไตยในจีน สงครามระหว่างจีนและญี่ปุ่น จนมาถึงการเปลี่ยนแปลงหลังความ

               ขัดแย้งภายในประเทศจีนที่พรรคคอมมิวนิสต์สามารถยึดอ านาจไว้ได้ ท าให้พรรคก๊กมินตั๋งต้องมาปกครองไต้หวัน
               และได้ท าการปฏิรูปการเมืองเพื่อสร้างประชาธิปไตยในหลังทศวรรษ 90 ท าให้เกิดพรรคการเมืองอื่นๆ เข้ามา

               แข่งขันในการเลือกตั้ง จึงเกิดพรรคคู่แข่งอย่างพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (Democrat Progressive Party, DPP)
               ที่สามารถเอาชนะพรรคก๊กมินตั๋งได้ในปัจจุบัน


                       สภาของไต้หวัน (the Legislative Yuan) มีจ านวนทั้งสิ้น 113 ที่นั่ง วาระ 4 ปี โดยการเลือกตั้งจะมี
               การลงคะแนนแบบคู่ขนาน (parallel voting) ระหว่างการเลือกตั้งแบบเขตที่ใช้ระบบ FPTP จ านวน 73 ที่นั่ง
               และการเลือกตั้งแบบสัดส่วนด้วยบัญชีรายชื่อจ านวน 34 ที่นั่ง และอีก 6 ที่นั่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชน

               พื้นเมือง ทั้งนี้ในบัญชีรายชื่อแบบสัดส่วนนถูกก าหนดโดยกฎหมายว่าต้องมีเพศหญิงอัตราส่วนร้อยละ 50 ด้วย
               (Ashiagbor 2008, 47)


                       ส าหรับกระบวนการและวิธีการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งของพรรคก๊กมินตั๋ง นอกจากจะต้องมีข้อมูล
               เรื่องการศึกษา ความเชี่ยวชาญ และทักษะต่างๆ พรรคยังมีกระบวนการตรวจสอบประวัติการกระท าผิดอย่างเข้มข้น

               โดยหากผู้สมัครเคยถูกตัดสินว่ามีความผิดดังต่อไปนี้ จะถูกตัดออกจากการลงสมัครแข่งขันเลือกตั้งทันที

                       -  มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรม ไม่ว่าจะเป็นการค้ายาเสพติด การฟอกเงิน และการคอร์รัปชัน

                       -  กระท าความผิดในหน่วยงานของรัฐ ติดสินบน ซื้อเสียง และคุกคามประชาชน
                       -  การล่วงละเมิดทางเพศ หรือมีส่วนร่วมเกี่ยวกับการค้ามนุษย์และเด็กเพื่อธุรกิจทางเพศ
                       -  ความผิดรุนแรงทางอาญา เช่น การฆาตกรรม การปล้น ลักพาตัว ฉ้อโกง เป็นต้น


                       ในการคัดเลือกผู้สมัครจะมีคณะกรรมการชุดคัดเลือกจ านวน 9 คน ประกอบด้วย หัวหน้าพรรค
               รองหัวหน้าพรรค 5 คน เลขาธิการพรรค 1 คน และสมาชิกพรรคอีก 2 คนที่คณะกรรมการคัดเลือกขึ้นมา

               โดยคณะกรรมการชุดนี้จะเป็นคนควบคุมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งในขั้นตอนดังต่อไปนี้ (Ashiagbor 2008, 49)

                       1.) บุคคลที่สนใจจะลงสมัครแข่งขันเลือกตั้ง สามารถยื่นใบสมัครผ่านสาขาของพรรคการเมือง

                          ตามเขตเลือกตั้งที่ตนอาศัยอยู่ เพื่อให้มีการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น และในกระบวนการสมัครห้าม
                          ไม่ให้มีการท าลายชื่อเสียงพรรคหรือสมาชิกพรรคคนอื่น ห้ามไม่ให้มีการทุจริตหรือให้เงินใต้โต๊ะ

                          ในกระบวนการคัดสรร และห้ามไม่ให้ใช้การประท้วงเพื่อมามีอิทธิพลกับการเสนอชื่อ
                       2.) จัดให้มีการลงคะแนนโดย “บุคคลทั่วไป” (public opinion poll) ตามชุดรายชื่อ (shortlist)
                          ของผู้สมัคร

                       3.) จัดให้มีการลงคะแนนโดย “สมาชิกพรรคการเมือง” (party members vote) เลือกบุคคลในชุด
                          รายชื่อนั้น
   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49