Page 115 - kpi22237
P. 115
109
รัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 โดยยึดหลักการ “สถาบัน
การเมือง” จะเป็นตัวก าหนดพฤติกรรมของพรรคการเมือง, จัดวางกติกาใหม่ ลดเงื่อนไขและข้อจ ากัดทั้งเรื่อง
ผู้ร่วมจัดตั้งและทุนประเดิม เรื่องการจัดตั้งสาขาพรรคหรือตัวแทนพรรคประจ าจังหวัด เรื่องวันเลือกตั้งเป็น
“ไตรมาสเลือกตั้ง” (election quarter) สนับสนุนช่องทางการสมัครสมาชิกพรรคการเมือง และคณะกรรมการ
การเลือกตั้งออกแนวปฏิบัติตามกฎหมายที่ชัดเจนและอ้างอิงได้, ออกแบบกลไกบริหารภายในพรรคการเมือง
ที่ส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมมากขึ้น ทั้งการออกแบบ “กลุ่มจังหวัด” และเรื่องเงินงบประมาณ เก็บค่าใช้จ่าย
จากผู้ลงสมัครแข่งขัน เงินสนับสนุนจากสมาชิกพรรค และเงินบริจาค
ในส่วนของกระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น งานวิจัยนี้ให้มีการให้ผู้สมัครเข้ารับการสรรหา
เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งลงแข่งขันกันเป็นชุดรายชื่อกลุ่มจังหวัด มีการน าวิธีการถ่วงน้ าหนัก (weighted system) มา
สรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยให้คะแนนเสียงเลือกผู้ลงสมัครแข่งขัน กับคะแนนเสียงจากกรรมการบริหารพรรค
มีสัดส่วนอย่างละ 50% เท่าๆ กัน รวมทั้งมีการกระจายอ านาจในการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งในเชิงพื้นที่
ผ่านกลุ่มจังหวัด และเชิงสังคมผ่านตัวแทนกลุ่มเฉพาะ การเลือกตั้งขั้นต้นไม่จ าเป็นต้องจัดวันเดียวกัน แต่อาจ
จัดเป็นกลุ่มจังหวัดในช่วงเวลาที่แตกต่างกันได้ และการเลือกตั้งนับเป็น “ไตรมาสเลือกตั้ง” (election quarter)
ระยะเวลา 90 วัน โดย 30 วันแรกเป็นช่วงการเลือกตั้งขั้นต้น และอีก 60 วันเป็นช่วงประกาศผู้เป็นตัวแทนพรรค
เพื่อแข่งขันในวันเลือกตั้งทั่วไป
จากข้อค้นพบจากงานวิจัยชิ้นนี้ คณะผู้วิจัยต้องการน าเสนอภาพสะท้อนหนึ่งในการศึกษาการเมืองใน
แนวทางเชิงสถาบัน (institutional approach) ว่ากติกาที่เปลี่ยนแปลงไปมีผลต่อพฤติกรรมของตัวแสดงทาง
การเมือง ในที่นี้ คือกติกาการจัดการเลือกตั้งขั้นต้นตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
พ.ศ. 2560 เพื่อสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคการเมือง ซึ่งถือเป็นกติกาใหม่
และเป็นเรื่องใหม่ของพรรคการเมืองไทยด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ การอภิปรายผลการศึกษาของงานวิจัยนี้มีข้อจ ากัดอยู่
เช่นกัน เนื่องจากสิ่งที่คณะผู้วิจัยได้ท าการศึกษามานั้น เป็นสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น เนื่องจากกระบวนการเลือกตั้งขั้นต้น
เพื่อสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560
ยังไม่ได้ถูกน ามาใช้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งหากมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งต่อไป และยังคงใช้กติกา
เช่นนี้ การเลือกตั้งขั้นต้นก็จะถูกน ามาปฏิบัติ แต่สิ่งที่งานวิจัยนี้พยายามน าเสนอคือ การคาดการณ์สิ่งที่อาจจะ
เกิดขึ้นซึ่งอาจจะกลายเป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการด าเนินการได้ อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตมีการแก้ไข
เพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560
ก็มีความเป็นไปได้อีกเช่นกันว่าอาจจะมีการแก้ไขในเรื่องของการเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งของ
พรรคการเมือง ในทางกลับกัน หากไม่มีการแก้ไขและจะยังคงใช้วิธีการเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อสรรหาผู้ลงสมัคร
รับเลือกตั้งแบบนี้ต่อไป ก็เป็นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง พรรคการเมือง ต้องเตรียมพร้อมสร้างความเข้าใจ
ในกระบวนการนี้ต่อไป