Page 116 - kpi22237
P. 116

110


                       ข้อจ ากัดของงานวิจัยนี้อีกประการหนึ่ง คือ ข้อมูลจากการศึกษาในงานวิจัยนี้ ที่คณะผู้วิจัยท าการศึกษาทั้ง

               เอกสารและการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากงานวิจัยนี้สนใจที่กระบวนการเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อสรรหา
               ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่ม
               ผู้มีส่วนได้เสียส าคัญจากกติกานี้คือ นักการเมืองและพรรคการเมืองต่างๆ ดังนั้น คณะผู้วิจัยจึงได้เน้นการสัมภาษณ์

               ข้อมูลเชิงลึกกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักการเมืองที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
               ผู้ปฏิบัติงานและอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมือง เครือข่ายทางการเมือง เป็นจ านวนมากกว่ากลุ่ม

               ตัวอย่างอื่นๆ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มนักวิชาการ สื่อมวลชน คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือภาคประชาสังคม
               อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นข้อมูลจากการสัมภาษณ์ ซึ่งเป็นแต่เพียงความเห็นส่วนตัวของกลุ่มตัวอย่างต่างๆ

               ที่อาจจะมีอคติหรือวาระทางการเมืองแฝงอยู่ด้วย และไม่อาจที่จะทดสอบความถูกต้อง (validity) ได้ทั้งหมด ดังนั้น
               สิ่งที่คณะผู้วิจัยพยายามท าให้ได้มากที่สุดคือการน าเสนอมุมมองเปรียบเทียบจากกลุ่มตัวอย่างต่างๆ ว่า

               การจัดการเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบ
               รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 เป็นอย่างไร ซึ่งก็จะย้อนกลับไปที่ข้อจ ากัดก่อนหน้านี้ ว่า งานวิจัยนี้
               ศึกษาสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่ฉายภาพให้เห็นว่าภายใต้กติกาที่เป็นอยู่ มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดอะไรขึ้นบ้างหากมีการ

               น ามาปฏิบัติใช้จริง ซึ่งแน่นอนว่าการคาดการณ์อาจจะถูกหรือผิดก็ได้ สิ่งที่งานวิจัยนี้ท าได้มากที่สุดคือฉายภาพ
               ความเป็นไปได้ให้แก่ผู้อ่านได้ศึกษาและวิเคราะห์ต่อไป


                       อีกประการหนึ่ง คือ กรอบการศึกษา ที่งานวิจัยนี้ใช้กรอบการวิเคราะห์ของ Hazan and Rahat (2001)
               วิเคราะห์กระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองนั้นจาก 4 มิติ ได้แก่ 1) ผู้เข้ารับการสรรหา

               (candidacy) ว่าใครบ้างที่สามารถสมัครเข้ารับการสรรหา 2) ผู้ด าเนินการสรรหา (party selectorates) ว่าใคร
               บ้างที่มีอ านาจ (authority)   ที่จะเลือกผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้ 3) การกระจายอ านาจในการสรรหา
               (decentralization) ว่าอ านาจถูกกระจายไปมากน้อยแค่ไหนในกระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง และ 4)

               ระบบการเลือกหรือสรรหา (voting/appointment system) ว่ามีการลงคะแนนเลือกอย่างไร ในงานศึกษา
               เรื่องระบบการคัดเลือกและสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในหลายประเทศนั้น ได้มีการน ากรอบการศึกษานี้ไปใช้

               จึงถือได้ว่าเป็นกรอบการศึกษาที่ได้รับการยอมรับในทางทฤษฎีระดับหนึ่งแล้ว เพราะให้น้ าหนักการวิเคราะห์
               ทั้งในแง่คน กระบวนการและอ านาจในการตัดสินใจคัดเลือก เมื่อน ามาประยุกต์กับการวิเคราะห์กระบวนการ

               เลือกตั้งขั้นต้นเพื่อสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองไทยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า
               ด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 นั้น โดยกรอบการวิเคราะห์นั้นไม่ได้เป็นปัญหาต่อการศึกษา แต่ประเด็นส าคัญคือ

               ข้อมูลในการวิเคราะห์กรณีของไทยนั้น ยังมีข้อจ ากัดดังที่ได้อธิบายไว้แล้วว่า กระบวนการเลือกตั้งขั้นต้นนี้ยังไม่ได้
               ถูกน ามาใช้ในทางปฏิบัติจริง จึงท าให้การอธิบายนั้นจึงถูกจ ากัดแต่เพียงการวิเคราะห์ความเป็นไปได้บนพื้นฐานของ
               กติกาตามกฎหมายที่เป็นอยู่ ถึงแม้ว่าอาจจะยังอธิบายกระบวนการเลือกตั้งขั้นต้นในประเทศไทยไม่ได้ทั้งหมด

               แต่อย่างน้อยที่สุดที่งานวิจัยนี้พยายามท าคือ การฉายภาพความเป็นไปได้ บนพื้นฐานของกรอบการวิเคราะห์ทาง
               ทฤษฎีที่มีการน าไปใช้ศึกษาวิเคราะห์ในหลายกรณีศึกษาแล้ว หากในอนาคต กระบวนการเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อ
   111   112   113   114   115   116   117   118   119   120   121