Page 10 - kpi22237
P. 10

5


                           ในเขตเลือกตั้งของสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมือง ประจ าจังหวัด

                           ที่มีเขตเลือกตั้งใกล้เคียงตามที่ก าหนดในข้อบังคับ” (พระราชบัญญัติประกอบ
                           รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560) (เน้นโดยผู้เขียน)




                       อย่างไรก็ดี ภายใต้ความเข้มข้นและสลับซับซ้อนของวิธีการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งของ
               รัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กลับท าให้เกิดปัญหาในเชิง

               การปฏิบัติจริง เมื่อก าหนดแผนที่จะให้จัดการเลือกตั้งในปี 2562 พบว่ามีพรรคการเมืองหลายพรรคมี
               ความ “ไม่พร้อม” ที่จะปฏิบัติตามหลักกฎหมายดังกล่าว จนท าให้เกิด “ค าสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบ

               เรียบร้อยแห่งชาติ ที่ 13/2561” (2561) โดยอาศัยอ านาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร
               ไทย (ฉบับชั่วคราว) 2557 ปลดข้อจ ากัดดังกล่าวให้กับพรรคการเมือง เพื่อให้พรรคการเมืองสามารถเลือก
               ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งโดยไม่ต้องอยู่ในเงื่อนไขของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ


                       เมื่อพิจารณาย้อนกลับไปถึงทศวรรษที่ผ่านมา กฎหมายได้วางหลักวิธีการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
               ไว้อย่างซับซ้อนและเข้มข้นไม่แพ้กัน ตั้งแต่ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ

               ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 (ฉบับแก้ไข 2554) จะพบว่าประเทศไทยได้วางรูปแบบการสรรหาไว้
               อย่างเป็นขั้นตอนตั้งแต่การสรรหาโดยกรรมการบริหารพรรคการเมือง จนไปถึงการมีส่วนร่วมของสมาชิกพรรค

               การเมืองในรูปแบบของคอคัส (caucus) เห็นได้จากงานศึกษาของ สติธรและธนพันธ์ (2560, 18-19) ที่ได้ระบุ
               ไว้ว่าภายใต้หลักกฎหมายดังกล่าว ท าให้พรรคการเมืองสามารถด าเนินการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้ 2

               รูปแบบประกอบด้วย

                       1.) การคัดเลือกโดยกรรมการบริหารพรรค จากรายชื่อที่เสนอจากคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัคร
                          รับเลือกตั้ง และที่ประชุมสาขาพรรค

                       2.) การลงมติเลือกผู้สมควรส่งเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง
                          หรือแบบบัญชีราชชื่อโดยที่ประชุมใหม่ของพรรค ด าเนินการประชุมและขอความเห็นจาก

                          คณะกรรมการสาขาพรรคการเมืองในแต่ละภาค

                       ถึงกระนั้นแล้ว กลไกการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งกลับยังไม่สามารถปฏิบัติได้จริง และตลอดเวลา

               ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะภายใต้รัฐธรรมนูญ 2550 หรือ 2560 กลับพบว่าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรค
               การเมืองในส่วนกลางกลับมีอ านาจอิสระในการเลือกส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชี

               รายชื่อ ส่งผลให้สาขาพรรคการเมืองในต่างจังหวัดและสมาชิกพรรคการเมืองทั่วไปไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมใน
               กระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง

                       จากปรากฏการณ์ข้างต้นท าให้เห็นได้ว่าระบบการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประเด็นส าคัญ

               อย่างยิ่งในการท าความเข้าใจประชาธิปไตยในพรรคการเมือง (intra-party democracy) และโดยเฉพาะ
               อย่างยิ่งส าหรับประเทศประชาธิปไตยใหม่ การพัฒนาประชาธิปไตยอย่างเป็นสถาบันที่พรรคการเมืองจะต้อง

               เข้ามามีบทบาทส าคัญในการขับเคลื่อนประชาธิปไตยให้ยั่งยืน (วีระ 2562, บทที่ 4) จึงมีความจ าเป็นอย่างยิ่ง
               ที่จะต้องน าประเด็นเรื่องกระบวนการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งกลับมาศึกษาอีกครั้ง โดยเน้นศึกษาจาก
   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15