Page 31 - kpi21588
P. 31
ร่างรายงาน บทบาทของพลเมืองในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรม เพื่อพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของประชาธิปไตยไทย 2-18
2.7 การแก้ปัญหาการซื้อเสียงในต่างประเทศ
2.7.1 ฟิลิปปินส์
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฟิลิปปินส์เป็นประเทศแรกที่พบว่ามีการรวมตัวและมีการมีส่วนร่วม
ของประชาชนในรูปแบบของภาคประชาสังคม (civil society) ที่เข้มแข็ง ภาคประชาสังคมของฟิลิปปินส์ได้เข้า
มามีบทบาทในการตรวจสอบการเลือกตั้ง (election watchdog) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 สมัยที่การจัดการ
เลือกตั้งในสมัยอดีตประธานาธิบดีมาร์กอสปราศจากความสุจริตเที่ยงธรรม บทบาทดังกล่าวมีทั้งบทบาทที่ได้รับ
การรับรองจาก กกต. อย่างเป็นทางการ เช่น บทบาทในการนับคะแนนคู่ขนาน และการสังเกตการณ์การ
เลือกตั้ง ณ หน่วยเลือกตั้ง และบทบาทอย่างไม่เป็นทางการโดยองค์กรภาคประชาสังคมอื่น ๆ ในการช่วย
สอดส่องพฤติกรรมและการด าเนินการของภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรม เปิดช่องใน
26
การทุจริต หรือไม่เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยเสรี และบริสุทธิ์ยุติธรรม
องค์กรภาคประชาสังคมที่มีบทบาทส าคัญในการตรวจสอบการเลือกตั้งและได้รับรองอย่างเป็นทางการ
โดย กกต. มี 2 องค์กร คือ นัมเฟรล (NAMFREL: National Citizens’ Movement for Free Elections)
และพีพีซีอาร์วี (PPCRV: Parish Pastoral Council for Responsible Voting) บทบาทส าคัญ เช่น การนับ
คะแนนคู่ขนาน (parallel count) การสังเกตการณ์การเลือกตั้ง ณ หน่วยเลือกตั้ง (poll watching) การให้
ความรู้และข้อมูลด้านการเลือกตั้ง (voter education) และการช่วยเหลือประชาชน ณ หน่วยเลือกตั้ง (voter
assistance) เป็นต้น นอกจากนั้นฟิลิปปินส์ยังมีองค์กรเอกชนและองค์กรภาคประชาสังคมอื่น ๆ ที่มีบทบาท
ส าคัญในการติดตามตรวจสอบการบริหารจัดการเลือกตั้งของ กกต. ให้เป็นไปตามกฎหมายและโดยสุจริตเที่ยง
ธรรม เช่น เอซวอทช์ (AES Watch), กลุ่มแนวร่วมเฟธ (FAITH.e Coalition), ซีซีเอเอพี (CCAAP) และเอ็มบี
27
เอ็ม (MBM) เป็นต้น
2.7.2 อูกันดา
องค์กร Alliance for Finance Monitoring (ACFIM) เป็นการรวมตัวของภาคประชาสังคมในการ
แก้ไขปัญหาการซื้อเสียง โดยทางองค์กรได้มีการจัดแคมเปญต่อต้านการซื้อเสียงที่ใหญ่ที่สุดซึ่งครอบคลุม 1,427
หมู่บ้าน ในช่วงการเลือกตั้งของอูกานดาปี ค.ศ. 2016 ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเลือกตั้งของกลุ่มเป้าหมายได้แก่
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งและะผู้สมัครรับเลือกตั้ง หมู่บ้านที่พร้อมเทคะแนนให้ผู้ซื้อเสียง (spillover village) และจะ
เป็นการวัดผลกระทบของโครงการที่แปรผันกับความเข้มข้นของแคมเปญ จากการศึกษาพบว่าการจัดแคมเปญ
ไม่ว่าจะในรูปแบบใบปลิวหรือประชุมระดับหมู่บ้าน ล้วนไม่ได้ลดการซื้อเสียงของนักการเมืองโดยตรง อีกทั้งยัง
สังเกตได้ว่า swing voter ยังคงลงคะแนนให้ฝั่งที่ซื้อเสียงมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามแคมเปญช่วยลด
ประสิทธิภาพของการซื้อเสียงได้ด้วยการท าให้ความสัมพันธ์ของผู้ซื้อ-ขายเสียงเกิดความอ่อนแอลง กล่าวคือ
เน้นหวังผลลัพธ์ระยะยาวเพื่อการปลูกฝังแนวคิดการต่อต้านการซื้อเสียง หรืออาจรับเงินแต่ไม่จ าเป็นต้องกาให้
26 ถวิลวดี บุรีกุล, ปัทมา สูบก าปัง, เลิศพร อุดมพงษ์ และ ณัฏฐกาญจน์ ศุกลรัตนเมธี. 2560. เกาะขอบสนามเลือกตั้งฟิลิปปินส์ 2559. กรุงเทพฯ:
สถาบันพระปกเกล้า.
27 เรื่องเดียวกัน.