Page 235 - kpi20902
P. 235
229
เพาะปลูกเพื่อขยายฐานการผลิตตามความต้องการของตลาดด้วยเช่นกัน แรงกดดันจากภายนอกนี จึงเป็น
แรงกระตุ้นให้ชุมชนท้องถิ่นต้องเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองทางด้านเศรษฐกิจเพื่อให้พร้อมรับกับการ
เปลี่ยนแปลงที่ก้าลังโหมกระหน่้าโจมตีชุมชนอย่างต่อเนื่อง
1.2) นโยบายภาครัฐ
การก้าวเข้าสู่ความเป็นประเทศอุตสาหกรรมของประเทศที่เน้นการเพาะปลูกเพื่อขาย
ท้าให้ชุมชนเกิดการแข่งขันในการผลิตเพิ่มมากขึ น โดยรัฐเข้ามาให้ความรู้เกี่ยวกับการเพาะปลูกสมัยใหม่ที่เน้น
ให้ใช้สารเคมีในการเพาะปลูก โดยเริ่มจากการใช้ปุ๋ยเคมีก่อนซึ่งปุ๋ยดังกล่าวคือต้นทุนการผลิตของเกษตรกร
ซึ่งการสร้างแรงจูงใจของหน่วยงานภาครัฐในขณะนั น คือราคาที่ไม่สูงมาก ในขณะที่ผลผลิตจะได้เพิ่มมากขึ น
อย่างรวดเร็ว โอกาสในการเข้าถึงความสะดวกสบายก็จะมีเพิ่มมากขึ นตามไปด้วย เช่น รถยนต์ ตู้เย็น เครื่อง
อ้านวยความสะดวกต่างๆ ที่เป็นระบบซื อผ่อน เริ่มสร้างอุปนิสัยการติดสบายและติดเครื่องอ้านวยความสะดวก
มากขึ นจนไม่สามารถที่จะเลิกเสพติดความสบายเหล่านั นได้ ในขณะที่ระบบนิเวศเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง
จากการใช้ปุ๋ยเคมี สารก้าจัดศัตรูพืช เริ่มท้าให้ดินเสื่อมสภาพ แหล่งน ้าขาดความสมบูรณ์ส่งผลให้สัตว์น ้าที่เคย
ใช้บริโภคเริ่มค่อยๆ หายไป การเพาะปลูกจึงจ้าเป็นต้องใช้ปุ๋ยเคมีเพิ่มปริมาณมากขึ นเพื่อให้ปริมาณของผลผลิต
ยังคงเดิมไม่ลดลงไป ซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตมากขึ นไปอีก ในขณะที่ราคาปุ๋ยเคมีและสารก้าจัดศัตรูพืช
เหล่านี ก็มีราคาสูงขึ นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน จากเหตุการณ์ดังกล่าวท้าให้ช่องว่างของความเหลื่อมล ้าถ่างกว้าง
ออกไปอีก เนื่องจากกลุ่มทุนร่้ารวยมากขึ นในทางกลับกันเกษตรกรเป็นหนี สะสม สวนทางกันมากขึ นเรื่อยๆ
ความกดดันจากนโยบายภาครัฐเป็นเรื่องที่ชุมชนเองซึ่งขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องของกระแสการพัฒนา
ไปสู่ความทันสมัยยอมรับนโยบายของภาครัฐดังกล่าวมาใช้ในการด้าเนินชีวิตอย่างไม่ได้เตรียมการป้องกันใดๆ
ไว้เลย
1.3) นโยบายภาคเอกชน
ในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม กลุ่มธุรกิจหรือกลุ่มพ่อค้าเริ่มเข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ น เช่น
เป็นผู้ก้าหนดราคาสินค้าต่างๆ มากขึ น ทั งๆ ที่เกษตรกรเป็นเจ้าของผลผลิตแต่ไม่สามารถก้าหนดราคาสินค้า
เองได้ จ้าเป็นต้องให้กลุ่มทุนหรือพ่อค้าเป็นผู้ก้าหนดราคาสินค้า ซึ่งเป็นช่องว่างของความเหลื่อมล ้ามากขึ น
เพราะจากที่ผ่านมาการก้าหนดราคาสินค้ามักจะเป็นการก้าหนดราคาที่เอาเปรียบเกษตรกรท้าให้เกษตรกร
ขาดอ้านาจในการต่อรอง ราคาขายที่ได้ไม่เหมาะสมหรือขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่องและปัญหาความเหลื่อมล ้า
ยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ นจากการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความหลากหลายเพิ่มมากขึ น แต่ราคาขาย
ไม่ได้ยึดโยงกับรายได้ของเกษตรกร เป็นการผลิตเพื่อการขายโดยราคาสินค้าจะขึ นอยู่กับกลุ่มผู้ผลิตสินค้าอย่าง
บริษัทเอกชน ที่ผูกขาดการขึ นราคาสินค้าเอาไว้โดยการร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เอาเปรียบภาคประชาชน