Page 249 - kpi20761
P. 249
248
ต้องขอเพิ่มอัตราค่าชดเชยในกฎหมายของตัวเองด้วย ซึ่งก็เคยเกิดขึ้น
แล้วที่รัฐวิสาหกิจปรับอัตราค่าชดเชยในกฎหมายของตนให้เท่ากับพรบ.
คุ้มครองแรงงาน
ที่กล่าวมาก็เป็นการแก้ไขกฎหมายคุ้มครองแรงงาน สิ่งที่เราคาดหวัง
คือ การแก้ไขกฎหมายคุ้มครองแรงงานเท่าที่ผ่านมานั้นจะเป็นไปตาม
ความต้องการของผู้น�าฝ่ายลูกจ้าง ในขณะเดียวกันในการร่างกฎหมาย
แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายแรงงานทุกฉบับก็จะมีการตั้งคณะกรรมการไตรภาคี
มีผู้แทนฝ่ายนายจ้าง แต่ผู้แทนฝ่ายนายจ้างเหล่านี้ถือเป็นนายจ้างชั้นดี
ซึ่งในการประชุมก็มักจะไม่ค้าน หรือผู้แทนนายจ้างที่ไปประชุมก็ไม่ใช่
นายจ้างจริงๆ อาจเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลบ้าง ซึ่งพวกนี้คือลูกจ้างจึงมัก
เห็นด้วยกับฝ่ายลูกจ้าง นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตจากที่ได้บันทึกมา เช่น
การจ่ายค่าชดเชยจาก ๓๐๐ วันเป็น ๔๐๐ วัน ปรากฏว่าผู้แทนฝ่ายนายจ้าง
จะไม่คัดค้านอะไรแล้ว มีผู้แทนนายจ้างบางคนยังเสนอจาก ๓๐๐ วัน
เป็น ๖๐๐ วัน นี่ก็เป็นข้อสังเกตเท่านั้น”
ผศ.ดร.ศุภศิษฏ์ฯ : “อย่างนี้น่าจะมีผลกระทบหากประกาศใช้ไป เพราะ
นายจ้างจะต้องกันเงินส่วนหนึ่งเพื่อมาจ่ายค่าชดเชย”
ศ.(พิเศษ) เกษมสันต์ฯ : “แน่นอน อย่างเช่น การแก้ไขแต่ละครั้งจะดูว่า
เป็นการเพิ่มสิทธิให้แก่ลูกจ้าง แต่บางครั้งก็อาจไม่ใช้การเพิ่มสิทธิที่เป็น
ผลดีแก่ลูกจ้าง เช่น ถ้าก�าหนดว่าค่าชดเชย ๔๐๐ วัน ซึ่งถือว่าเพิ่มจ�านวน
มามาก นายจ้างอาจหาทางไม่จ้างให้ถึง ๒๐ ปี ซึ่งก็จะท�าให้ถูกเลิกจ้าง
ตอนอายุมากแล้ว หรืออาจมีผลในทางลบที่ว่า นายจ้างอาจท�าการ
เลิกจ้างโดยใช้วิธีที่ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย เช่น หาความผิดให้ลูกจ้างเพื่อ
ให้เข้ากับข้อยกเว้นที่นายจ้างจะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย นอกจากนี้การที่
นายจ้างต้องจ่ายค่าต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ต้นทุนแรงงานก็สูงมากขึ้นก็จะ
ไปสัมพันธ์กับการที่นายจ้างจะหันไปใช้เทคโนโลยีหรือเครื่องจักรมากขึ้น
inside_ThLabourLaw_c3-5.indd 248 13/2/2562 16:37:48