Page 303 - kpi19903

268

ทางเศรษฐกิจได้ ผลการเลือกตั้งมีผลกระทบต่อตนเองน้อยมากประกอบกับความเบื่อหน่ายทางการเมือง
อาจจะเป็นสาเหตุที่ Vote No ก็ได้

ตำรำงที่ 16.11 Spatial error regression model ท านายร้อยละผู้ที่ไม่ประสงค์ลงคะแนน
b β SE z-test p-value

ค่าคงที่ (Constant) -.69 .16 .32 -2.16 .03
ร้อยละของผู้ที่ออกเสียงไม่ประสงค์ลงคะแนนในการเลือกตั้งปี 2548 .13 .11 .04 3.16 .00

ร้อยละของผู้ที่ออกเสียงไม่ประสงค์ลงคะแนนในการเลือกตั้งปี 2550 .17 .20 .04 4.04 .00

รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อเดือน .00 .27 .00 3.96 .00
ร้อยละของผู้บัญญัติกฎหมาย ข้าราชการระดับอาวุโสและผู้จัดการ .04 .08 .02 2.78 .01

ร้อยละของพนักงานบริการ และพนักงานขายในร้านค้าและตลาด .05 .17 .01 6.28 .00
ร้อยละของแม่บ้าน .05 .09 .02 2.90 .00

ร้อยละการใช้ประโยชน์พื้นที่เมืองสิ่งปลูกสร้าง .03 .49 .01 6.18 .00
LAMBDA .79 .79 .03 22.67 .00

2
R = .77, -2LL = -453.65, AIC = 923.30, BIC = 954.71
3. รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อเดือนในเขตเลือกตั้งสัมพันธ์ทางบวกกับร้อยละของผู้ที่ออกเสียงไม่ประสงค์
ลงคะแนนในการเลือกตั้งปี 2554 แสดงให้เห็นว่าเขตเลือกตั้งที่ประชาชนมีรายได้ดีมีแนวโน้มที่จะ Vote No

มาก

4. ร้อยละของผู้บัญญัติกฎหมาย ข้าราชการระดับอาวุโสและผู้จัดการ ร้อยละของพนักงานบริการ
และพนักงานขายในร้านค้าและตลาด ร้อยละของแม่บ้าน มีแนวโน้มที่จะใช้สิทธิ์ไม่ประสงค์ลงคะแนน ซึ่งทั้ง

สามกลุ่มอาชีพนี้เป็นอาชีพของคนในเขตสังคมเมืองมากกว่าในสังคมชนบท

5. ตัวแบบที่สร้างขึ้นมีค่า R อยู่ที่ 0.79 คือตัวแบบสามารถอธิบายการเกิดบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน
2
ได้ร้อยละ 79 มี ค่าสัมประสิทธิ์ของสหสัมพันธ์เชิงพื้นที่ในตัวแบบมีค่าสูงมาก (lambda=.79)

16.4.3 ตัวแบบเชิงพื้นที่ท้านายร้อยละที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง

ผลการพัฒนาตัวแบบเชิงพื้นที่ท านายร้อยละผู้ที่ไม่ประสงค์ลงคะแนนดังแสดงในตารางที่ 16.12

พบว่า
1. รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อเดือนในเขตเลือกตั้งท านายร้อยละของผู้ที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ดีที่สุด (β=.

65) เขตเลือกตั้งที่มีรายได้ดีมีแนวโน้มที่คนในเขตนั้นๆ จะไม่ไปเลือกตั้ง

2. ร้อยละของผู้ที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งในอดีต (ทั้งปี 2548 และ 2550) สัมพันธ์ทางบวก
กับร้อยละของผู้ที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งล่าสุด (2554)