Page 112 - kpi19903
P. 112
85
การที่ผู้มีสิทธิออกเสียงในเมืองหรือในกรุงเทพที่มีระดับการศึกษาโดยเฉลี่ยสูงกว่า อาจจะมีภาระหน้าที่
รับผิดชอบและท ามาค้าขายมากกว่าคนในสังคมชนบทที่เป็นสังคมเกษตร ท าให้ไม่มีเวลามาสนใจการเมือง
หรือไม่สะดวกที่จะไปใช้สิทธิในวันเลือกตั้ง
แต่ในอีกด้านหนึ่ง ทฤษฎีสองนคราประชาธิปไตยได้อธิบายไว้ว่า คนเมืองผู้มีการศึกษาสูงกว่าไม่เห็น
อรรถประโยชน์ในการออกไปเลือกตั้งมากนัก เพราะฐานเสียงส่วนใหญ่อยู่ในชนบทและอาจจะรู้สึกว่าผลของ
การเลือกตั้งผู้แทนราษฎรไม่ว่าจะเป็นใครที่ชนะก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรกับตน เพราะสามารถพึ่งพิงตนเองได้
อยู่แล้ว จึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องมาเสียเวลากับการเลือกตั้ง (เอนก เหล่าธรรมทัศน์, 2546, 2549, 2556)
ทั้งนี้ผลการวิจัยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดสงขลา (ศิริรักษ์ จวงทอง, 2553) พบว่า
ประชาชนที่มาใช้สิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่มีการศึกษาระดับต่ าเพียงระดับประถมศึกษาเท่านั้น ดังนั้นจึงตั้ง
สมมุติฐานว่า
H6: ระดับการศึกษาสัมพันธ์ทางลบกับความตั้งใจที่จะไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
6.4.7 ระดับรายได้ของครัวเรือนและสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของครอบครัวกับความตั้งใจที่จะไป
ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
โดยทั่วไปนั้น การศึกษานั้นมีความสัมพันธ์ทางบวกกับระดับรายได้และสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของ
ครอบครัว ทั้งนี้การศึกษามีส่วนช่วยท าให้มีรายได้เพิ่มขึ้นและช่วยลดความเหลื่อมล้ าของรายได้ลงไปได้
(Abdullah, Doucouliagos, & Manning, 2015) ทั้งนี้ระดับรายได้ของครัวเรือนเป็นการวัดในเชิง ปรวิสัย
ออกมาเป็นตัวเลข ในขณะที่มุมมองของแต่ละคนต่อที่มีต่อรายได้ของตนนั้นแตกต่างกันไป แม้จะมีจ านวนเงินที่
เท่ากันก็ตาม คนหนึ่งอาจจะมองว่าตนเองจน ในขณะที่อีกคนอาจจะมองว่าตนเองรวยแล้ว เพราะสภาพ
เศรษฐกิจโดยรวมของครอบครัวเป็นการประเมินของบุคคลที่แตกต่างกันไปเป็นอัตวิสัย แต่ก็มีความสัมพันธ์
กันเองทางบวกเช่นกัน
ผลการวิจัยในประเทศไทยพบว่า ระดับรายได้ของครัวเรือนสัมพันธ์ทางลบกับการออกไปใช้สิทธิ
เลือกตั้ง โดยคนที่มีรายได้ของครัวเรือนอยู่ในระดับต่ าจะมีแนวโน้มที่จะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งมากกว่าคนที่มี
รายได้ของครัวเรือนสูง (อรรถสิทธิ์ พานแก้ว, 2556b) ทั้งนี้ผลการศึกษาในประเทศแคนาดาก็พบว่า รายได้นั้น
สัมพันธ์ทางลบกับการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งเช่นกัน (Chapman & Palda, 1983) แต่ได้อธิบายว่า ระดับ
การศึกษานั้นสัมพันธ์ทางบวกกับระดับรายได้ ซึ่งอาจจะเกิดปัญหาในการพยากรณ์พฤติกรรมการออกไปใช้
สิทธิเลือกตั้งได้ เนื่องจากมีปัญหาการร่วมเชิงเส้นพหุ (Multicolinearity) ดังนั้นการแปลความอาจจะต้องระวัง
สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของครอบครัวและระดับรายได้สัมพันธ์ทางลบกับการออกไปใช้สิทธิลงคะแนน
เสียงเลือกตั้งสามารถอธิบายได้ด้วยการให้รางวัลและการลงโทษ (Reward-Punishment) กล่าวคือ หากผู้
ลงคะแนนเลือกตั้งประเมินสภาพเศรษฐกิจของตนเองหรือครอบครัวว่าดีขึ้นก็จะให้รางวัลผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ
ซึ่งก็คือผู้สมัครจากพรรคที่เป็นรัฐบาล หรือพรรคที่ประกาศนโยบายที่จะท าให้สภาพเศรษฐกิจดีขึ้น โดยการไป
ลงคะแนนให้ ในทางตรงข้ามหากประเมินสภาพเศรษฐกิจของตนเองหรือครอบครัวว่าแย่ลงก็จะลงโทษผู้ที่มี