Page 91 - kpi19164
P. 91
การศึกษา และมีอ านาจในการต่อรองทางการตลาดต่ า รัฐจึงมีความจ าเป็นต้องให้ความส าคัญในการ
พัฒนาภาคการเกษตร
10
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2510-2514)
• สถานการณ์การพัฒนางานสหกรณ์
ด้านสินเชื่อเพื่อการเกษตร ก่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 2 มีธนาคาร
เพื่อการสหกรณ์เป็นแหล่งกลางที่ให้เงินกู้แก่สมาคมสหกรณ์ต่างๆ ส าหรับให้สมาชิกสหกรณ์กู้อีกต่อ
หนึ่ง แต่เนื่องจากมีเงินทุนต่ าและการควบคุมเงินกู้ไม่ได้ผลเท่าที่ควร ท าให้สินเชื่อการเกษตรในส่วนที่
เป็นบริการของรัฐยังอยู่ในขอบเขตจ ากัด ไม่สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้โดยทั่วถึง เกษตรกรส่วน
ใหญ่คงต้องพึ่งสินเชื่อจากเอกชน โดยเสียดอกเบี้ยสูงมากซึ่งเป็นภาระอันหนักยิ่ง ในปี 2509 รัฐจึงได้
จัดตั้งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เพื่อขยายบริการสินเชื่อการเกษตรให้กว้างขวาง
ยิ่งขึ้น
ในช่วงการประกาศใช้แผนพัฒนาฯ ฉบับนี้ได้มีการยกเลิกพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.
2471 เพื่อเปิดโอกาสให้มีการจัดตั้งสหกรณ์ขนาดใหญ่ขึ้น และมีการขยายการด าเนินธุรกิจให้เป็น
เอนกประสงค์เปิดโอกาสให้มีการควบรวมสหกรณ์ขนาดเล็ก มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงขบวนการ
สหกรณ์ขึ้น โดยการควบรวมสหกรณ์หาทุน สหกรณ์ขายข้าว สหกรณ์บ ารุงที่ดิน หรือสหกรณ์
ประเภทอื่นๆ ที่มีวัตถุประสงค์ใกล้เคียงกันภายในอ าเภอเดียวกันเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งสหกรณ์ ชื่อว่า
“สหกรณ์การเกษตร” และได้มีการจัดตั้ง “สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย” ขึ้น
อย่างไรก็ตาม การสหกรณ์และสถาบันเกษตรกรอื่นๆ รัฐมีโครงการจะส่งเสริมให้เกษตรกร
รวมกลุ่มกัน เพื่อช่วยเหลือตนเองให้มากขึ้น นอกจากงานส่งเสริมตามธรรมดาแล้วรัฐจะด าเนินงาน
ตามโครงการช่วยเหลือชาวนาต่อไปในเรื่องการเร่งรัดการเพิ่มผลผลิต การพยุงราคาข้าวเปลือกและ
สินเชื่อการเกษตร ส าหรับสหกรณ์จะปรับปรุงให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และมีลักษณะเป็นสหกรณ์
เอนกประสงค์และจะออกกฎหมายหมายกลุ่มอาชีพเพื่อให้กลุ่มเกษตรกรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
ทางธุรกิจได้ นอกจากนี้ได้จัดตั้งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์จะให้เป็น
สถาบันกลางส าหรับสินเชื่อการเกษตรโดยจะให้สินเชื่อแก่เกษตรกรโดยตรงและผ่านสหกรณ์และกลุ่ม
ชาวนาในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ ากว่าอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์
10 ส านักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 2 พ.ศ. 2510 -
2514.
81
