Page 139 - kpi18358
P. 139

รวมทั้งมุ่งเน้นให้ข้อเสนอแนะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ สมรรถนะของหน่วยงานรับตรวจทั้งในด้าน

               ประสิทธิผล คุณภาพการให้บริการ และการพัฒนาองค์กร อีกทั้งยังสนับสนุนให้ทุกส่วนราชการให้ความ

               ร่วมมือกัน ทั้งการตรวจราชการร่วมกันระหว่างผู้ตรวจราชการส านักนายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจราชการ

               กระทรวงและที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชน ตลอดจนคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด  (ส านัก


               ปลัดส านักนายกรัฐมนตรี, 2559, น. 1-2)


                       นอกจากแบ่งรูปแบบและวิธีการตรวจราชการตามสมัยการปกครองแล้ว ยังสามารถแบ่งตามรูปแบบ

               ของระบบการตรวจราชการ โดยแบ่งออกเป็น 5 ยุค (สุพจน์ ทรายแก้ว, 2552, น. 79-80) ดังนี้


                       ยุคที่ 1 (ก่อนพ.ศ. 2534) ในยุคนี้เป็นรูปแบบของการตรวจราชการตามประเพณี หรือหากพิจารณา

               ตามยุคสมัยจะเป็นการตรวจราชการในสมัยสุโขทัยและสมัยอยุธยา การตรวจราชการจะมีลักษณะที่


               พระมหากษัตริย์ทรงออกตรวจราชการโดยพระองค์เอง หรือมอบหมายให้บุคคลที่ไว้ใจเป็นผู้ออกตรวจ

               ราชการ


                       ยุคที่ 2 (พ.ศ. 2435-2502) หรือ การตรวจราชการในสมัยก่อนและหลังที่รัชกาลที่ 5 จะมีการปฏิรูป

               โดยรูปแบบการตรวจราชการเป็นแบบระบบราชการยุคแรก ภายหลังจากการปฏิรูประบบราชการของ

               รัชกาลที่ 5 เริ่มมีบุคคลที่ท างานราชการเป็นอาชีพ ซึ่งจะได้รับการแต่งตั้งโดยผู้มีอ านาจในการปกครอง

               ได้แก่ ต าแหน่งข้าหลวงเทศาภิบาลที่ถูกแต่งตั้งโดยรัชกาลที่ 5 ในช่วงที่มีการปฏิรูป  หรือต าแหน่ง

               ข้าหลวงใหญ่ ข้าหลวงตรวจการ ผู้ว่าราชการภาค และต าแหน่งผู้ตรวจราชการแผ่นดินที่ก าหนดโดยรัฐบาล

               ซึ่งแต่งตั้งขึ้นในช่วงที่ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์


               เป็นระบบประชาธิปไตย


                       ยุคที่ 3 (พ.ศ. 2503-2540) เป็นยุคของการพัฒนาระบบการตรวจราชการในเชิงสถาบันและ

               กระบวนการ เป็นยุคที่มีบุคคลเข้าด ารงต าแหน่งผู้ตรวจราชการ คือ ผู้ตรวจราชการส านักนายกรัฐมนตรี

               ที่ถูกแต่งตั้งแทนผู้ตรวจราชการแผ่นดินเมื่อ พ.ศ. 2503 ในยุคนี้การตรวจราชการจะเน้นการสร้างสถาบัน

               การตรวจราชการให้มีความเป็นสากลมากขึ้น มีการก าหนดระเบียบและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อให้การตรวจ

               ราชการไม่เบี่ยงเบนไปจากกฎเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ โดยช่วงแรกได้ออกพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ


               แผ่นดิน และต่อมาก็ได้จัดท าระเบียบส านักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการตรวจราชการ พ.ศ. 2532 ขึ้น รวมทั้ง

               เน้นการปฏิบัติราชการที่ต้องสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ (Compliance) ดังนั้น ระบบการตรวจราชการ จึงเน้นให้

               ความส าคัญกับความรับผิดชอบตามกระบวนการ (Accountability  for  procedure) ที่ก าหนดขั้นตอนตาม



                                                            96
   134   135   136   137   138   139   140   141   142   143   144