Page 108 - kpi18343
P. 108
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความปรองดอง
ก ร ณี ศึ ก ษ า ใ น ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ
เจตจำนงทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
ทั้งหมด เนื่องจากการปรองดองจะทำได้ด้วยวิถีทางการเมือง ไม่ใช่ด้วยตัวบท
กฎหมาย
3) ตั้งกลไกพิเศษเพื่อคัดกรองและพิจารณาคดีที่มีเหตุจูงใจทางการเมือง
นักวิชาการอีกส่วนหนึ่งเสนอว่า หากเป็นกรณีที่ไม่เข้าข่ายได้รับการ
นิรโทษกรรมชัดเจนตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ก็ให้คดีเหล่านั้นเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ปกติไป แต่หากเป็นกรณีที่อาจจะเข้าข่ายต้องพิจารณา ก็ให้ตั้งคณะกรรมการพิเศษ
ขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อทำหน้าที่คัดกรองและพิจารณาคดี เช่น อาจจะอยู่ในรูปแบบของ
ศาลพิเศษเฉพาะกิจ (tribunal) หรือคณะกรรมการเสริมสร้างความปรองดอง
แห่งชาติ เป็นต้น เนื่องจากภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ไม่มีหน่วยงานใดได้รับความ
ไว้วางใจจากประชาชนทุกฝ่ายที่จะสามารถรับหน้าที่ในการวินิจฉัยโดยปราศจาก
ความระแวงและสงสัยต่อท่าทีในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งอาจเอื้อประโยชน์หรืออคติต่อ
ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ทั้งนี้ การกำหนดคุณสมบัติและจำนวนของคณะกรรมการหรือผู้ที่จะมาทำ
หน้าที่คณะกรรมการดังกล่าวนี้ ควรมีความเชื่อมโยงกับประชาชนและภาคส่วน
ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในสัดส่วนและระดับอำนาจต่อรองที่สมดุลกัน ทั้งฝ่ายต่อต้าน
รัฐประหารและฝ่ายสนับสนุนรัฐประหาร ตลอดจนฝ่ายต่อต้านและฝ่ายสนับสนุน
รัฐบาลต่างๆ ในอดีต คณะกรรมการชุดนี้จะต้องมีกรอบการทำงานและกำหนดระยะ
เวลาที่แน่นอนชัดเจน ซึ่งไม่ควรเกินห้าปี
โดยหลักการแล้ว ปัจจัยแห่งความสำเร็จที่สำคัญสำหรับคณะกรรมการ
ชุดนี้ คือ ความชอบธรรมทางการเมืองซึ่งที่มาและตัวบุคคลที่จะมาทำหน้าที่จะต้อง
ได้รับการยอมรับจากภาคส่วนต่างๆในสังคมโดยเฉพาะจากกลไกอำนาจหลักที่ดำรง
อยู่ในปัจจุบัน มีความเป็นอิสระ ได้รับความคุ้มครองให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่าง
เต็มที่โดยไม่ถูกแทรกแซงจากฝ่ายใดหรือไม่ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในการสร้างความ
ชอบธรรมหรือทำลายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนี้ ควรเน้นหนักไปที่การค้นหาความจริง
มีอำนาจตามกฎหมายในการเรียกเอกสารจากผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากทาง
ราชการได้เต็มที่ พิจารณาคัดกรองคดีที่มีเหตุจูงใจทางการเมืองที่เข้าข่ายได้รับ
การนิรโทษกรรมตามหลักเกณฑ์ที่สังคมเห็นชอบร่วมกัน มีการจัดเวทีประชาชน
สถาบันพระปกเกล้า