Page 106 - kpi18343
P. 106
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความปรองดอง
ก ร ณี ศึ ก ษ า ใ น ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ
ต้องการที่จะฟ้องร้อง ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งมองว่า หากเป็นกรณีที่บาดเจ็บสาหัส
ควรถือว่าเป็นการกระทำที่ “ร้ายแรง” เช่นเดียวกัน ซึ่งนิยามของคำว่าบาดเจ็บสาหัส
ก็ให้ยึดตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายอาญา
ข) ประเภทของคดี
บางส่วนเสนอว่า ไม่ว่าจะเป็นคดีใดๆก็ตาม หากพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าเป็นคดี
ที่มีเหตุจูงใจทางการเมือง สมควรที่จะได้รับการนิรโทษกรรมทั้งหมด ซึ่งรวมถึง
คดีมาตรา 112 และคดีคอร์รัปชั่นเฉพาะกรณีที่อาจตีความได้ว่ามีการใช้กฎหมาย
เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่นเพื่อประโยชน์ทางการเมืองด้วย
ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งมองว่า ควรต้องแยกแยะประเภทคดีให้ชัดเจน กรณี
คดีมาตรา 112 และคดีทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่ควรได้รับการนิรโทษกรรมโดยเด็ดขาด
เพื่อมิให้เกิดความหวาดระแวงขึ้นในสังคม แต่กรณีคดีมาตรา 112 อาจจะมอง
แนวทางดำเนินการในระยะยาวด้วยการมีคณะกรรมการถาวรที่ประกอบไปด้วย
หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อคัดกรองและวินิจฉัยว่าควรดำเนินการฟ้องคดีนั้นๆ
หรือไม่
กรณีคดีปิดสนามบิน คดีวางเพลิง และคดีที่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืน
ก็ควรถือว่าเป็นคดี “ร้ายแรง” ไม่ควรได้รับการนิรโทษกรรมเช่นเดียวกัน ทั้งนี้
เพื่อป้องกันมิให้การกระทำลักษณะนี้หวนคืนกลับมาในอนาคตหากมีการชุมนุม
ทางการเมืองเกิดขึ้นอีก
ค) ตัวบุคคลผู้กระทำ
นักวิชาการทุกคนเห็นตรงกันว่า ควรนิรโทษกรรมให้กับประชาชนที่เป็น
ผู้เข้าร่วมการชุมนุมที่เข้าหลักเกณฑ์ในการคัดกรองข้างต้นโดยทันที
แต่สำหรับแกนนำการชุมนุมนั้น กลุ่มนักวิชาการยังมีความเห็นที่แตกต่าง
กันอยู่ โดยส่วนใหญ่เห็นว่า ไม่ควรที่จะมีการนิรโทษกรรมแก่แกนนำหรือเจ้าหน้าที่
ของรัฐที่มีอำนาจในการตัดสินใจหรือสั่งการให้มีการเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น เนื่องจาก
ควรที่จะต้องรับผิดชอบสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นภายใต้การนำของตนเอง และเพื่อเป็นการ
ลดความหวาดระแวงของสังคม ทางเลือกหนึ่งคือน่าจะให้บุคคลทั้งสองกลุ่มข้างต้น
ลงชื่อแสดงเจตจำนงที่จะไม่รับประโยชน์ใดๆจากการออกกฎหมายนิรโทษกรรม
สถาบันพระปกเกล้า
7