Page 107 - kpi18343
P. 107
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความปรองดอง
ก ร ณี ศึ ก ษ า ใ น ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ
ในขณะที่บางส่วนมองว่าควรพิจารณาเป็นรายกรณีไป ไม่ควรเหมารวมว่า
แกนนำทุกคนต่างเป็นต้นเหตุให้เกิดความเสียหายทั้งหมด เนื่องจากแกนนำบางคน
อาจเป็นคนที่คอยห้ามปรามในเหตุการณ์ ดังนั้น จึงควรที่ต้องค้นหาข้อเท็จจริงของ
เหตุการณ์และการกระทำด้วย มิใช่ดูเพียงว่าเป็นแกนนำหรือไม่ หรือหากแกนนำที่มี
ส่วนในการสร้างความรุนแรงต่อทรัพย์สินเช่น การเผาสถานที่ ให้ข้อมูลที่เป็น
ประโยชน์หรือสารภาพว่าใครเป็นคนสั่งการ มีการประชุมวางแผนกันอย่างไร ก็ควรที่
จะใช้เป็นเหตุให้มีการนิรโทษกรรมได้
ประเด็นที่ 3: ควรใช้กลไกใดในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการ
นิรโทษกรรม?
เมื่อพูดถึงกลไกที่ควรใช้ในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรมนั้น
ทางกลุ่มนักวิชาการได้มีความเห็นที่หลากหลาย ซึ่งสามารถจำแนกได้ดังต่อไปนี้
1) ใช้กลไกปกติ
นักวิชาการส่วนหนึ่งเสนอให้ใช้กลไกที่มีอยู่แล้วในกระบวนการยุติธรรม
ปกติ ไม่จำเป็นต้องตั้งกรรมการพิเศษ หากพบว่ามีการกระทำผิดแต่วินิจฉัยได้ว่า
เป็นการกระทำที่มีเหตุจูงใจทางการเมือง ก็ให้ใช้กระบวนการขอพระราชทาน
อภัยโทษตามกฎหมายปกติที่เปิดช่องให้ ที่สำคัญคือ กระบวนการยุติธรรมปกตินี้
จะต้องไม่ล่าช้า หรือไม่รวบรัดตัดตอนจนเกินไป
แต่อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ใช้ศาลปกติในการพิจารณานั้น ก็มีผู้ตั้ง
ข้อสังเกตว่าจะได้รับการยอมรับจากฝ่ายต่างๆ หรือไม่ เนื่องจากมีบางฝ่ายที่อาจตั้ง
ข้อสงสัยต่อความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมที่มีอยู่
2) ใช้มาตรา 44
นักวิชาการบางส่วนเสนอให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตามมาตรา 44
ในการจัดการกับเรื่องนี้ เนื่องจากถือว่าเป็นกฎหมายที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จและรวดเร็ว
ไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนทางราชการที่ยุ่งยากและซับซ้อน โดยอาจเริ่มต้นแสดง
ความจริงจังและจริงใจที่จะสร้างความปรองดองด้วยการปล่อยนักโทษทางการเมือง
ในเบื้องต้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องปล่อยพร้อมกันทั้งหมดในทันที แต่อาจเริ่มต้นจากคดี
ที่ไม่ร้ายแรง หรือหากกังวลว่าจะถูกต่อต้านจากบางฝ่ายก็ให้เริ่มต้นจากการให้บุคคล
ที่ถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้ สามารถประกันตัวออกมาสู้คดีได้ ถ้ากลัวการหลบหนีคดี
ก็สามารถมีมาตรการควบคุมนอกเรือนจำได้
สถาบันพระปกเกล้า
8