Page 105 - kpi18343
P. 105

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความปรองดอง
                  ก ร ณี ศึ ก ษ า ใ น ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ


                  มิให้การกระทำลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต แต่ประเด็นสำคัญที่ต้อง

                  พิจารณาต่อมา คือ การกระทำลักษณะใดที่เรียกว่า “ร้ายแรง”

                         ในเบื้องต้นจะใช้ความรุนแรงเป็นเกณฑ์ในการจัดแบ่ง ซึ่งหากไม่ใช่
                  การแสดงออกในรูปของความรุนแรงที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
                  ของผู้อื่นนั้น นักวิชาการที่ให้สัมภาษณ์เห็นพ้องกันว่าการกระทำดังกล่าวไม่ถือว่า

                  เป็นการกระทำที่ร้ายแรง เช่น การชุมนุมหรือการเดินขบวนโดยสงบที่ถูกประกาศว่า
                  เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายในช่วงเวลาที่กำหนด หรือการอภิปรายบนเวทีที่ไม่ได้
                  ยั่วยุให้เกิดการใช้ความรุนแรงต่างๆ เป็นต้น

                         ถัดมา หากเป็นการกระทำที่รุนแรงนั้น มีผู้เสนอให้แยกออกเป็นสองกลุ่ม

                  คือ ความรุนแรงต่อทรัพย์สินและความรุนแรงต่อร่างกาย โดยในภาพรวมก็ยังมี
                  ความเห็นแตกต่างกันอยู่ว่า ความรุนแรงต่อทรัพย์สินและต่อร่างกายลักษณะใดบ้าง

                  ที่ถือว่า “ร้ายแรง”
                         บางส่วนเห็นว่า หากเป็นการกระทำต่อทรัพย์สิน ผู้กระทำควรได้รับ

                  การนิรโทษกรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการกระทำต่อทรัพย์สินของใครหรือทรัพย์สิน
                  ประเภทใดก็ตาม เช่น การเผาห้างสรรพสินค้าหรือการเผาศาลากลางจังหวัด เป็นต้น

                  โดยหากทรัพย์สินนั้นเป็นของเอกชน เจ้าของทรัพย์สินดังกล่าวก็จะได้รับการชดเชย
                  จากภาครัฐ แต่ผู้กระทำจำเป็นจะต้องรับผิดทางแพ่งจากการกระทำดังกล่าวของตน
                  หรือไม่นั้น มีความเห็นออกเป็นสองมุม คือ มุมหนึ่งเห็นว่าไม่จำเป็นต้องรับผิด
                  ในขณะที่อีกมุมหนึ่งมองว่าไม่ควรปิดโอกาสเจ้าของทรัพย์สินที่จะดำเนินคดีทางแพ่ง

                  กับผู้กระทำผิดดังกล่าว ซึ่งก็ต้องต่อสู้ในทางแพ่งกันในชั้นศาล

                         อย่างไรก็ตาม มีนักวิชาการส่วนหนึ่งมองว่า หากเป็นกรณีการวางเพลิง
                  หรือเผาทำลายทรัพย์สิน ควรถือว่าเป็นการกระทำที่ “ร้ายแรง” เนื่องจากผู้กระทำ
                  การดังกล่าวย่อมเล็งเห็นได้ว่าอาจจะส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตได้


                         สำหรับในส่วนของการกระทำผิดต่อร่างกายนั้น นักวิชาการทั้งหมด
                  เห็นตรงกันว่า ไม่ควรนิรโทษกรรมให้กับการกระทำที่เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
                  ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ “ร้ายแรง” แม้ว่าจะมีเหตุจูงใจทางการเมืองก็ตาม

                         แต่หากเป็นกรณีที่บาดเจ็บ ไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือสาหัสก็ตามนั้น บางส่วน

                  มองว่าไม่ใช่การกระทำที่ร้ายแรง แต่ผู้กระทำก็ต้องต่อสู้คดีในทางแพ่งต่อไปหากผู้เสียหาย



                  สถาบันพระปกเกล้า
   100   101   102   103   104   105   106   107   108   109   110