Page 89 - kpi17968
P. 89
78
1. ศาลยุติธรรมตั้งแผนกพิเศษขึ้นเพื่อปราบปรามการค้ามนุษย์
เพื่อให้การพิจารณาคดีเร็วขึ้น กล่าวคือ ให้พิจารณาคดีให้เสร็จ
ภายใน 6 เดือน
2. การใช้กฎหมาย ซึ่งควรจะมีการเคารพหลักกฎหมายในเรื่องการ
ถูกกักตัวในศาลไม่ว่าจะเป็นศาลใดก็ตาม หรือการถูกคุมขังก่อน
ขึ้นศาลซึ่งควรจะต้องมีการแจ้งครอบครัว และทนายของผู้ต้องหา
3. ถ้าผู้ต้องหาเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เยาวชน ก็ต้องขึ้นศาลพลเรือนไม่ใช่ศาลทหาร
4. ถ้าพลเรือนถูกกล่าวว่ากระทำผิดในคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคง
โดยทั่วไปแล้ว พลเรือนก็จะต้องขึ้นศาลพลเรือน แต่ในบางกรณี
ที่จะต้องขึ้นศาลทหาร ก็อาจขอให้ผู้พิพากษาในศาลทหารมีความ
เป็นกลาง และมีอิสระในการพิจารณาคดีเพื่อให้ใกล้สภาพของ
ศาลพลเรือนให้มากที่สุด และถ้าจะขึ้นศาลทหารก็ขอให้เป็นศาล
ชั้นต้นเท่านั้น แต่ถ้าหากต้องมีการอุทธรณ์หรือฎีกา ก็ควรให้
เป็นการอุทธรณ์หรือฎีกาในศาลพลเรือน
5. ถ้ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง เช่น การทรมาน
หรือการบังคับให้สาบสูญ ไม่ว่าผู้ต้องหาจะเป็นพลเรือนหรือฝ่าย
ใดก็ตาม ก็ควรขึ้นศาลพลเรือน
ทั้งหมดนี้ถือเป็นการช่วยแบ่งเบาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวกับกระบวนการ
ยุติธรรมด้วยที่ไม่ต้องไปรับภาระการโอนคดีต่อศาลยุติธรรมที่มีความเชี่ยวชาญ
อยู่แล้วก็อาจช่วยบรรเทาความเดือดร้อนกับทุกฝ่าย และนี่คือการเคารพหลัก
สากลในเรื่องประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม
ประเด็นสุดท้าย เรื่องกระบวนการยุติธรรมทางอาญาและการประหาร
ชีวิต ปัจจุบัน ประเทศไทยได้พัฒนากระบวนการยุติธรรมให้ดีขึ้นในหลายๆ ด้าน
และในเรื่องการตรวจขานักโทษซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มานาน และเป็นสิ่งที่
องค์การสหประชาชาติถือว่าเป็นการเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ส่วนใน
ปาฐกถาพิเศษ