Page 373 - kpi17968
P. 373
362
ในเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทุกฝ่ายซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งต่างนำเอากฎหมายและ
กระบวนการยุติธรรมมาใช้อ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมและรักษาผลประโยชน์
ของฝ่ายตน การดำเนินการดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อระบบ
ยุติธรรมโดยรวม นอกจากนี้ กฎหมายในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐที่ไม่
สามารถบังคับใช้ได้อย่างจริงจังหรือมีการซ่อมเงื่อนปมไว้เพื่อเป็นเครื่องมือทาง
การเมืองในการทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม ยังสะท้อนให้เห็นปัญหาว่าการร่างหรือ
บังคับใช้กฎหมายในประเทศไทยไม่พิจารณาในเชิง “นิติสังคม” หรือไม่มองความ
สอดคล้องของกฎหมายกับความเป็นจริงของสังคม สภาพปัญหาทางกฎหมายและ
กระบวนการยุติธรรม รวมถึงบทบาทขององค์กรผู้ใช้อำนาจรัฐที่ถูกตั้งคำถาม
จึงควรมีการปฏิรูปและจัดวางบทบาทใหม่ ดังนี้ (คณะกรรมการอิสระตรวจสอบ
และค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.), 2555: 246-251)
1) ความเคลือบแคลงในหลักนิติธรรมของประเทศสืบเนื่องมากจากการที่
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เป็นต้นมากำหนด
ให้องค์กรตุลาการมีบทบาทในการตรวจสอบถ่วงดุลทางการเมืองมากขึ้น เช่น
การกำหนดให้มีศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง
ทางการเมือง เป็นต้น การกำหนดบทบาทขององค์กรตุลาการในลักษณะเช่นนี้แม้
จะสอดคล้องกับการตรวจสอบถ่วงดุล (Check and Balance) ระหว่างสถาบัน
ต่างๆ แต่การใช้อำนาจพึงใช้ด้วยความระมัดระวังตามทฤษฎีการแบ่งแยกอำนาจ
(Separation of Power) และตามหลักนิติธรรม ทุกฝ่ายจึงควรให้ความสำคัญกับ
การกำหนดบทบาทที่เหมาะสมตามแนวทางปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดย
เฉพาะอำนาจตุลาการซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดในการวินิจฉัยข้อพิพาทพึงระมัดระวัง
เป็นพิเศษในการใช้อำนาจที่เหมาะสมภายในกรอบกฎหมายและหลักนิติธรรมเพื่อ
ให้การใช้อำนาจอธิปไตยเป็นไปอย่างมีดุลยภาพ
2) รัฐและกระบวนการยุติธรรมต้องระมัดระวังมิให้กลายเป็นผู้ทำลาย
หลักนิติธรรมและละเมิดสิทธิของประชาชนเสียเองและควรสร้างความเข้าใจใน
หลักนิติธรรมในทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับแนวทาง
การผดุงหลักนิติธรรมในประเทศไทย โดยอาจจัดเวทีสาธารณะ หรือการสาน
เสวนาเพื่อเปิดพื้นที่ให้มีการถกเถียงและทำความเข้าใจหลักนิติธรรมร่วมกัน
การประชุมกลุมยอยที่ 3