Page 590 - kpi17073
P. 590
ตางชาติตางชื่นชมพากันเ ินเที่ยว ูเมืองเกา ูวั เ ารู งความสําคัญวาวั ไ นเป นวั รก องจัง วั เชียงใ ม
ตสิ่งที่สวนกลางมาจั การเรื่องการทองเที่ยวใ เชียงใ มกลับไปสรางไนท า ารี
การรวมศูนยทําใ เกิ ลกระทบ ตัว นังสือเมืองภาคเ นือ ายไป ตัว นังสือทางภาคอีสานก ายไป
ตัว นังสือ องพี่นองกะเ รี่ยง ายไป อํานาจการตั สินใจ เรื่องน ํา ินป า ายไป ประวัติศาสตรทอง ิ่นเชน
ประวัติศาสตร ุน ลวงวิลังก ะ พระนางจามเทวี พญาเม งราย ายไป เ กรุนใ มไ เรียนประวัติศาสตรเสนตรงที่
รัฐสวนกลางกํา น ใ อัตลัก ความเป นทอง ิ่น องเรา ูกทําลาย เพื่อทําใ เ มือนกันทั งประเทศ ทอง ิ่นไม
สามาร ใชศักยภาพที่มีอยูมาจั การตนเองไ เป น ตเพียง ูรอง อ ละรอคอย
ทอง ิ่นเ มือนกัน ม ตั ง ตการกอสรางศาลากลาง ส านีอนามัย เป นตน ในประเทศอเมริกา พบชนเ า น ่งมี
เ ลืออยูเพียง คน อเมริกาทุมเงิน ลายรอยลาน อลลารเพื่อ น ูชนเ านี ตที่ประเทสไทยกลับใชเงิน ลาย
มื่นลานเพื่อทําลายชนเ า เพราะอยากใ มีเอกลัก เ มือนกันทั งประเทศ
การ คล ่อนตัวทางประวัติศาสตรไทย สิ่งที่ไ รับจากสวนกลางทุก
ประวัติศาสตรการเปลี่ยน ปลงทางการเมือง องประเทศไทย จะเกิ เ ตุการ ใ ญ นทุกรอบ ป เริ่ม
ในป 2 5 รัชการที่ 5 รวมอํานาจ ัวเมืองเ าสูสวนกลาง, ป 2 75 รัชกาลที่ 7 พระราชทานรัฐธรรมนูญ, ป 25 589
การประชุมวิชาการ
เกิ การตอสู องภาคประชาชนเพื่อ ับไลเ จการท าร สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16
ก่อนปี พ.ศ. 2435 ท้องถิ่นจังหวัดแบบในปัจจุบันนี้ ถูกเรียกว่า หัวเมือง มี หัวเมือง
กอนป พ ศ 2 5 ทอง ิ่นจัง วั บบในปจจุบันนี ูกเรียกวา ัวเมือง มี ัวเมืองเชียงใ ม ัวเมือง
เชียงใหม่ หัวเมืองพิษณุโลก หัวเมืองปัตตานี เป็นต้น และหัวเหมืองเหล่านี้เป็นอิสระ มีการ
พิ ุ ลก ัวเมืองปตตานี เป นตน ละ ัวเ มืองเ ลานี เป นอิสระ มีการปกครองตนเองทั งสิ น
ปกครองตนเองทั้งสิ้น
ป พ ศ 2 5 อยูในชวงที่สยามประเทศกําลังเ ชิญกับลัทธิลาอา านิคม อังก รั่งเศสตางมุง วังเอา
ประ ยชนจากประเทศสยาม ังนั นรัชกาลที่ 5 จ งตองปฏิรูปประเทศ ยการรวมศูนยอํานาจ จั ตั ง 2 กระทรวง
ปี พ.ศ. 2435 อยู่ในช่วงที่สยามประเทศกำลังเผชิญกับลัทธิล่าอาณานิคม อังกฤษ ฝรั่งเศส
ต่างมุ่งหวังเอาประโยชน์จากประเทศสยาม ดังนั้นรัชกาลที่ 5 จึงต้องปฏิรูปประเทศโดยการรวม
ทบวง กรม เพื่อสรางความเป นบ ก น ่งเป นความเ มาะสมกับส านการ ทางการเมืองใน ะนั น
ศูนย์อำนาจ จัดตั้ง 12 กระทรวง ทบวง กรม เพื่อสร้างความเป็นบึกแผ่น ซึ่งเป็นความเหมาะสม
กับสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนั้น 4
ปี พ.ศ. 2475 รัชกาลที่ 7 ถูกเรียกร้อง และกดดันจากคณะราษฎร ทำให้มีการ
เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบประชาธิปไตย พระองค์
ต้องสละอำนาจให้กับประชาชน โดยมีกระแสพระราชดำรัส “ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจ
อันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมแก่ราษฏรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของ
ข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใด โดยเฉพาะเพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาด และโดยไม่ฟังเสียง
อันแท้จริงของประชาราษฎร” แต่หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นต้นมา อำนาจไม่เคยอยู่
ในมือของประชาชนอย่างแท้จริง แต่ตกอยู่กับกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และผลัดเปลี่ยนกันขึ้น
ปกครอง ผลัดกันยึดอำนาจมาโดยตลอด
ปี พ.ศ. 2515 – 2519 เกิดเหตุการณ์เรียกร้องของประชาชนเพื่อขับไล่เผด็จการ 14 ต.ค
2516 และ16 ตุลา 2519 เกิดเหตุการณ์ต่อสู้เรียกร้องของประชาชนกับรัฐบาล ทำให้มีการ
สลายการชุมชนของประชาชนเกิดการเข่นฆ่าประชาชน และปัจจุบันก็ยังคงเกิดการต่อสู้เรียกร้อง
ของประชาชนกับรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง และเกิดถี่ขึ้นมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การประชุมกลุ่มย่อยที่ 6