Page 285 - kpi17073
P. 285
284 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16
ในประเด็นจากห้องย่อย คือการสร้างดุลอำนาจในรัฐสภา ผมมองว่าในรัฐธรรมนูญปี 40
เรื่องการถอดถอน ซึ่งกลไกของมันไม่สามารถทำได้ เพราะจำนวนของวุฒิสภาและผู้แทนราษฎร
มันแตกต่างกันจนเกินไป นอกไปจากนั้น ยังไม่สามารถควบคุมสมาชิกผู้แทนราษฎรและสมาชิก
วุฒิสภา ผมเห็นว่าควรจะปฏิรูป โดยลดจำนวนผู้แทนราษฎรและเพิ่มสัดส่วนของวุฒิสภาให้มาก
ขึ้น โดยการมีสภาคู่อยู่ในเมืองไทยถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นอยู่
คุณเรืองระวิ พิชัยกุล
ต้องขอชมวิทยากรทุกท่านว่า วันนี้ได้มาฟังข้อเสนอการศึกษาที่ใหม่ ซึ่งบางเรื่องก็ไม่ค่อยมี
การเปิดเผยที่ใด โดยจากประเด็นที่ดิฉันจับความได้คือ เราน่าจะเอามาศึกษาในระบบของเรา
โดยสิ่งที่ดิฉันเป็นห่วง คือเราไม่สามารถหนีออกจากระบบอุปถัมภ์ไปได้ และเราจะมีแนวทางแก้ไข
หรือจัดการควบคุมมันได้อย่างไร
นอกไปจากนั้นตามที่ท่านอาจารย์อเนก กล่าวไว้ว่า เราไม่สามารถหนีจากระบบทุนนิยมโลก
ที่ตกอยู่ในสภาวะตลาดนำการเมือง กระบวนการต่างๆ ทั้งการเลือกตั้งก็ดี ประชาธิปไตยก็ดี
ถูกตกเป็นเครื่องมือของการต่อรองเชิงผลประโยชน์ ของกลุ่มทุนต่างๆ ซึ่งเราวิ่งตามมันไม่ทัน
และนอกจากนั้น ขอแถมประเด็นของท่านอาจารย์ อรรถสิทธิ์ พานแก้ว ในเรื่องของ พรบ.ที่มา
จากประชาชน เกี่ยวกับสิทธิ ซึ่งถูกตีตกจากรัฐสภาตั้งแต่แรก เป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดที่สุด
ในประเด็นต่างๆ เหล่านี้ ต้องให้ความสำคัญที่จะต้องศึกษาเป็นอย่างยิ่ง
ผศ. ดร.ภูมิ มูลศิลป์
ในเรื่องแรก มติทางประวัติศาสตร์ มีอยู่ในฉบับเต็ม โดยวุฒิสภาทั้ง 2 ประเทศ มันมี
แนวทางปฏิบัติบางประการที่แตกต่างกัน โดยความตั้งใจแต่แรกคือต้องการให้วุฒิสภา เป็นสภา
พี่เลี้ยง โดยเน้นตัวผู้ทรงคุณวุฒิเป็นหลัก ต่อมาก็มีแนวทางอยากจะให้สมาชิกวุฒิสภามีความ
เชื่อมโยงกับประชาชนก็เริ่มมีการเลือกตั้ง และมันมีวิวัฒนาการกันเรื่อยมา จนมาถึงในปี 40
ที่ทำให้สมาชิกวุฒิสภาบางคน มีความสัมพันธ์ฉันเครือญาติกับนักการเมืองบางกลุ่ม
ในประเด็นฟันธงนั้น เนื่องจากงานวิจัยยังไม่สมบูรณ์วันนี้จึงมารับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ
แต่โดยส่วนตัวจากที่เคยศึกษา คือว่า เรากำลังสับสนว่า เรามี ส.ว. ไว้ทำไม ถ้าเราอยากมี ส.ว.
มาจากประชาชนก็ควรจะให้มีการเลือกตั้ง แต่ถ้าคิดว่าอยากให้มาจากกลุ่มอาชีพหรือผู้ทรงคุณวุฒิ
หรือกลุ่มที่ไม่มีโอกาสก็ควรมาจากการสรรหาโดยจากการศึกษานั้นพบว่า เรากำลังคิดว่าเลือกตั้ง
เท่านั้นคือประชาธิปไตย ซึ่งอาจจะเป็นความคิดที่คาดเคลื่อนไป เพราะการได้มาของสมาชิก
วุฒิสภา ในบางประเทศก็อาจจะมาจากการสรรหา หรือคล้ายๆ แบบเป็นการที่เลือกประธานาธิบดี
แล้วประธานาธิบดีไปเลือกนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีไปเลือกรัฐมนตรี ซึ่งตราบใดที่ระบบ
มันยังมีความต่อเนื่องมันก็ไม่ผิดไปจากกระบวนการประชาธิปไตย
การประชุมกลุ่มย่อยที่ 2 แต่อย่างใด เพราะทั้งหมด มาจากสายของตุลาการ ซึ่งการเลือกตุลาการนั้น ก็ไม่ได้มีความเกาะ
แต่สิ่งที่เป็นปัญหาในปี 50 โดย 7 คน ที่เป็นผู้เลือกนั้น อาจจะไม่เกี่ยวกับประชาชน
เกี่ยวกับประชาชนแต่อย่างใด จากประเด็นดังกล่าว เราจะต้องบอกให้ชัดเจนว่า วุฒิสภาควรมา